บทที่ 1.รูปแบบกราฟ Chart Patterns

2 พฤษภาคม 2022
webmaster

บทที่ 1.รูปแบบกราฟ Chart Patterns

บทที่ 1.รูปแบบกราฟ Chart Patterns

บทที่ 1.รูปแบบกราฟ Chart Patterns

รูปแบบของกราฟที่เราจะกล่าวถึงในบทนี้ มีทั้งหมด 7 รูปที่นิยมใช้กันอยู่

  1. Symmetrical Triangles (สามเหลี่ยม บางคนเรียก สามเหลี่ยมธง)
  2. Ascending Triangles (สามเหลี่ยมเฉียงขึ้น)
  3. Descending Triangles (สามเหลี่ยมเฉียงลง)
  4. Double Top ( หัวหยัก)
  5. Double Bottom (ก้นหยัก)
  6. Head and Shoulders (หัวและไหล่)
  7. Reverse Head and Shoulders (หัวและไหล่กลับหัว)
23 December 2011 Daily Forecast Friday , 4:55 pm EUR/USD Trading range: 1.3050 – 1.3155 Trend: Upward Buy at 1.3064 SL 1.3032 TP 1.3141 USD/JPY Trading range: 78.25 – 77.35 Trend: Downward Sell at 78.13 SL 78.45 TP 77.41 GBP/USD Trading range: 1.5670 – 1.5780 Trend: Upward Buy at 1.5682 SL 1.5650 TP 1.5770 USD/CHF Trading range: 0.9365 – 0.9260 Trend: Downward Sell at 0.9354 SL 0.9386 TP 0.9270

1.Symmetrical Triangles (สามเหลี่ยม บางคนเรียก สามเหลี่ยมธง)

Symmetrical triangles เป็นรูปแบบกราฟซึ่งกราฟเส้นแนวต้านลาดเอียงลงจากราคาสูงสุด และกราฟเส้นแนวรับลาดเอียงขึ้นจากด้านล่างไปบรรจบกันที่จุด ๆ หนึ่งซึ่งทาให้มีรูปร่างเหมือนสามเหลี่ยม แล้วเกิดอะไรขึ้นกับกราฟลักษณะนี้ คือราคาปิดต่ำกว่าราคา high และอีกด้านหนึ่งก็ปิดได้สูงกว่าราคา low ในด้านแนวรับ ซึ่งหมายความว่าทั้งด้านผู้ซื้อและผู้ขายกาลังดึงราคากัน และผลออกมาก็คือเสมอกัน

ซึ่งเราเรียกว่า การสะสมแรงซื้อขาย

ในตัวอย่างนี้ ถ้าเราส่งออร์เดอร์ ณ ที่จุดเหนือเส้นแนวต้านเราก็จะได้ออร์เดอร์เทรดที่ดี และถ้าคุณส่งออร์เดอร์อีกออร์เดอร์ที่ด้านล่างของแนวรับ คุณก็จะสามารถยกเลิกออร์เดอร์ได้ทันทีที่มันเกิดเบรคเอาท์ด้านบนเช่นเดียวกัน

ในกราฟ เราจะเห็นว่าทั้งผู้ซื้อและผู้ขายไม่สามารถผลักดันราคาให้ไปในทิศทางที่พวกเขากำหนดได้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ราคาปิดต่ำกว่าราคา High ในด้านเส้นแนวต้าน และราคาปิดสูงกว่าราคา low ในด้านแนวรับ เมื่อเส้นแนวรับแนวต้านนั้นเอียงเข้าหากัน หมายความว่าจุดเบรคเอาท์ใกล้จะเกิดขึ้นในไม่ช้า เราไม่รู้หรอกว่าเทรนด์จะเกิดในทิศทางไหน แต่ว่าเรารู้ว่าตลาดจะเกิด เบรคเอาท์ซึ่งแล้วแต่ว่าตลาดจะให้เกิดในทิศทางไหน เราสามารถส่งออร์เดอร์ที่เหนือหรือต่ำกว่าเส้นแนวรับแนวต้านที่เราขีดขึ้น เมื่อเรารู้ว่าราคาจะเกิด เบรคเอาท์ในทิศทางไหน เราจะสามารถขี่เทรนด์ไปในทิศทางที่เกิดขึ้น

2.Ascending Triangles (สามเหลี่ยมเฉียงขึ้น)

รูปแบบกราฟรูปแบบนี้เกิดขึ้นเมื่อ เกิดแนวต้านที่เป็นเส้นตรงและเส้นแนวรับที่เฉียงขึ้น สิ่งที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์นี้คือ มีแนวต้านที่ฝั่งผู้ซื้อไม่สามารถทะลุไปได้ แต่อย่างไรก็ตามฝั่งผู้ซื้อ ก็ได้พยายามยกระดับราคา low ให้สูงขึ้นอยู่เรื่อย ๆ

ในกราฟข้างบน คุณจะเห็นว่าฝั่งผู้ซื้อกาลังได้เปรียบเพราะว่าพวกเขาดันราคา Low ให้สูงขึ้นเรื่อย ๆ และเพิ่มความกดดันให้กับเส้นแนวต้านตามภาพ ซึ่งถ้าเกิดเบรคเอ้าท์ขึ้น คาถามของเราก็คือ มันจะเกิดขึ้นทิศทางใด ผู้ซื้อจะสามารถผ่านด่านแนวต้านนี้ไปได้รึเปล่าหรือว่า แนวต้านนี้แข็งแกร่งเกินไปสำหรับเขา

หนังสือกราฟหลาย ๆ เล่มจะบอกคุณว่า ในกรณีนี้ ทางฝั่งผู้ซื้อจะเป็นฝ่ายชนะ และราคาจะทะลุผ่านแนวต้านขึ้นไปได้ อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์ของเราบอกว่า มันไม่ได้เป็นแบบที่หนังสือส่วนใหญ่ได้กล่าวไว้หรอก บางครั้งแนวต้านก็แข็งแกร่งเกินไปที่ผู้ซื้อจะสามารถฝ่าไปได้ และผู้ซื้อไม่มีกาลังซื้อเพียงพอที่จะผลักดันราคาให้ทะลุผ่านไปได้ ส่วนใหญ่ ราคาจะขึ้นไป

3.Descending Triangles (สามเหลี่ยมเฉียงลง)

Descending Triangles นั้น มีเส้นแนวรับที่เป็นเส้นตรงและเส้นแนวต้านเป็นเส้นเฉียงลงมาบรรจบกับเส้นแนวรับ ซึ่งเส้นแนวรับเป็นเส้นที่แนวรับที่แข็งแกร่งยากที่ราคาจะทะลุผ่านไปได้

ในกราฟข้างบน คุณจะเห็นว่าราคา กาลังทาจุด High ต่ำลงเรื่อย ๆ ซึ่งบอกเราว่าผู้ขายมีความได้เปรียบเหนือผู้ซื้อมากขึ้นอยากต่อเนื่อง ตอนนี้ราคาจะทะลุแนวรับและจะพยายามปรับตัวลงต่อไป

ในกรณีตัวอย่างนี้ ราคาได้ทะลุเส้นแนวรับมาและร่วงลงเกิดเทรนด์ขาลงอย่างรวดเร็ว(หมายเหตุ ตลาดในช่วงที่เกิดเทรนด์ขาลง จะเร็วกว่าตลาดที่เป็นเทรนด์ขาขึ้นซึ่งหมายความว่าเมื่อคุณเล่น ออร์เดอร์ Sell คุณก็จะทำเงินได้เร็วกว่า)

4.Double Top ( หัวหยัก หรือ w คว่ำ )

Double top คือ รูปแบบการกลับตัวของกราฟ ซึ่งก่อตัวหลังจากมีการขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาว่า Top ก็คือจุดสูงสุดซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อราคาไปชนยังจุดแนวต้านจุดใดจุดหนึ่ง หลังจากชนแล้ว ราคาก็จะค่อย ๆ ปรับตัวลงและพยายามทะลุแนวต้านนั้นอีก และถ้าคราวนี้มันไม่สามารถทะลุแนวต้านได้อีกเป็นครั้งที่สอง คุณก็จะได้รูปแบบกราฟ DOUBLE top

ในกราฟข้างบนนี้คุณจะเห็นว่ามีจุดสูงสุดของราคาสองจุด หรือที่เราเรียกว่า Top เมื่อกี้ ได้ก่อตัวขึ้นหลังจากการเกิดเทรนด์ขาขึ้นครั้งใหญ่ สังเกตดูว่าตัว Top ตัวที่สองไม่สามารถจะทะลุแนวต้านที่ Top ตัวที่หนึ่งได้สร้างไว้ได้ นี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะเกิดการกลับตัวของเทรนด์ เพราะว่ามันกาลังบอกเราว่าความกดดังจากแรงซื้อที่มีมาอย่างต่อเนื่องกาลังจะหมดลง

เมื่อเกิด กราฟ Double Top แล้วเราจะใส่ออร์เดอร์ของเราข้างใต้จุด Low ก่อนการกลับตัวขึ้นไปก่อ Top ครั้งที่ 2 เพราะว่าคาดว่าจะเกิดการกลับตัวของเทรนด์ขาขึ้น

คุณจะเห็นว่าราคาทะลุแนวรับลงมาแล้ว และเกิดเทรนด์ขาลงอย่างต่อเนื่อง จาไว้อย่างว่า Double Top นั้นเป็นจุดกลับเทรนด์ คุณจะต้องดูเอาไว้หลังจากที่มันเกิดเทรนด์ขาขึ้นครั้งใหญ่

5.Double Bottom (ก้นหยัก หรือ W)

Double bottoms คือรูปแบบการกลับเทรนด์ แต่ว่าคราวนี้เราต้องหาจังหวะ Buy แทนที่จะ Sell รูปแบบนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดเทรนด์ขาลง เมื่อมีการเกิด จุด low สองแห่ง เกิดขึ้น (ตรงข้ามกับ Double Top)

จะเห็นว่ารูปแบบของกราฟข้างบนหลังจากการเกิดเทรนด์ขาลง ราคาได้เกิดรูปแบบร่องสองร่อง เพราว่ามันไม่สามารถที่จะทะลุต่าลงไปว่าแนวรับที่จุดต่ำสุดเกิดขึ้นครั้งแรกได้ Bottom ที่สองที่เกิดครั้งที่สองจึงไม่สามารถทะลุแนวรับไปได้ นี่เป็นสัญญาณว่า ความกดดันจากแรงขายอย่างต่อเนื่องกาลังจะหมดไป และจะเกิดกลับตัวเกิดขึ้น ในสถานการณ์นี้ เราจะส่งออร์เดอร์ เหนือเส้นที่เกิดจุดสูงสุดก่อนการเกิด Bottom ครั้งที่สอง

ราคาทะลุเส้นแนวต้านที่เกิดหลังจากการเกิด Double Bottom และเกิดเทรนด์ขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาไว้ว่า เหมือนกับรูปแบบ double Top ตัว Double bottom นั้นก็เป็นจุดกลับตัวหลังการเกิดเทรนด์เช่นเดียวกัน สิ่งที่คุณต้องทาก็คือ มองหาเทรนด์ขาลงแรง ๆ เพื่อรอการเกิด double bottom

6.Head and Shoulders (หัวและไหล่)

รูปแบบของ Head and shoulders ก็เป็นรูปแบบของจุดกลับตัวเช่นเดียวกัน มันจะสร้างจุดสูงสุดแรก และจุดสูงสุดที่สองนั้น จะสูงกว่าจุดแรก และจุดสูงสุดอันที่สามใกล้เคียงกับจุดแรก เส้นแนวรับถูกขีดใต้จุด low หลังจากเกิดจุด สูงสุดแรกมาซึ่งจะเชื่อมกับจุดต่ำสุดหลังการเกิด Head ด้วยเช่นกันซึ่งบางครั้งอาจจะเอียงขึ้นหรือลงนิดหน่อย ตามประสบการณ์ของเราที่ผ่านมา เมื่อเส้นเอียงลงนิดหน่อย จะให้สัญญาณที่น่าเชื่อถือได้มากกว่า

ตัวอย่างนี้ เราจะเห็น Head and shoulder คือ Head เป็นจุดสูงสุดครั้งที่สองของรูปแบบกราฟประเภทนี้ Shoulder สองอันที่เกิดหลังจากเกิดราคาสูงสุดของจุด head ด้วยรูปแบบกราฟนี้ เราจะส่งออร์เดอร์ข้างล่างของเส้นแนวรับ และเราจะสามารถประเมินได้จากจุดสูงสุดของ Head มาจนถึงราคาที่ต่ำสุดหลังจากทา high ที่เกิดรูปแบบ Head เพื่อใช้กำหนด เป้าหมายของราคาที่เราคาดไว้

คุณจะเห็นว่าเมื่อราคาหลุดแนวรับมามันเกิดเทรนด์ขาลงอย่างต่อเนื่องและเป็นขนาดเดียวกันกับความยาวของจุดเกิดรูปแบบ Head

7.Reverse Head and Shoulders (หัวและไหล่กลับหัว)

เหมือนกับ Head and shoulder แต่ว่าคราวนี้มันมีลักษณะตรงกันข้ามกัน ตัวร่องที่เป็น(shoulder) จะตามด้วยการเคลื่อนไหวของราคาที่ต่ำกว่าเดิม(Head) และจะเกิดร่อง(shoulder) อีกครั้ง รูปแบบกราฟนี้จะเกิดหลังจากที่เกิดการเกิดเทรนด์ขาลงอย่างต่อเนื่องและเกิดรูปแบบกราฟนี้ตามมา

เมื่อกราฟรูปแบบนี้เกิดขึ้นเราจะส่งออร์เดอร์ buy ที่ด้านบนของเส้นแนวต้านที่เราขีดขึ้น เป้าหมายของราคาที่เราคาดว่ามันจะไปถึงคำนวณจาก ระยะห่างระหว่างจุดที่เป็น Head (Low) ไปจนถึงจุด High ซึ่งเราสามารถนามาประเมินคร่าว ๆ ว่าราคาจะเคลื่อนไหวไปประมาณเท่าไหร่

อ่านบทความ Forex Professional ทั้งหมด

สมัครเปิดบัญชีเทรดกับเรารับ ฟรี SERVER ฟรี VPS และ ระบบเทรดอัตโนมัติ หรือ Expert Advisor (EA)