Dow Theory
Dow Theory หรือที่เรียกว่าทฤษฎีดาว กำเนิดขึ้นเมื่อ 100 กว่าปีมาแล้ว ผู้ที่คิดค้นคือ Mr. Charles Henry Dow เขาเป็นผู้พัฒนาการวิเคราะห์ทางเทคนิค การเก็งกำไร รวมทั้งกฎ Industrial average ในตลาดหุ้น จนทำให้ในช่วงนั้น (ปลายศตวรรตที่ 19) เกิดทฤษฎีใหม่ๆขึ้นมา
ทฤษฎี Dow แบ่งออกเป็น 6 หลักการดังนี้
1.ตลาดมีการเคลื่อนไหวหลักๆ อยู่ 3 รูปแบบคือ
- แนวโนมโหญ่ = 1-3 ปี หรือมากกว่า
- แนวโน้มกลาง = 3 สัปดาห์ – 3 เดือน หรือมากกว่า
- แนวโน้มระยะสั้นๆ = รายวัน – ไม่เกิน 3 สัปดาห์
2.ตลาดหุ้นมี Trend แบ่งเป็น 3 ช่วงใหญ่ๆคือ
- ช่วงสะสม : ช่วงนี้คือระยะที่นักลงทุนที่มีความรู้มารวมตัว และเริ่มซื้อหรือขายสินทรัพย์
- ช่วงมหาชนมีส่วนร่วม : ช่วงนี้เป็นช่วงที่ตลาดจับความเคลื่อนไหวของนักลงทุนและคนทั่วไปที่เริ่มหันมามีส่วนร่วมในตลาดมากขึ้น
- ช่วงแจกจ่ายหรือปล่อยของ : หลังจากผ่านการซื้อสินทรัพย์และเก็งกำไรมาแล้ว ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่นักลงทุนที่มีความรู้เริ่มขายสินทรัพย์ที่มีอยู่ออกสู่ตลาด
3.ราคาสะท้อนทุกอย่างในตลาดอยู่แล้ว
หากเกิดข่าวหรือเหตุการณ์ใด ๆ ขึ้นมามักสะท้อนปรากฏการณ์ใหม่ได้เสมอ ไม่ว่าจะเป็นภาวะความหวัง ความกลัว หรือความคาดหวังของนักลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้องในตลาดนั้น กล่าวคือ ข่าวทุกเรื่องที่ออกมานั้นล้วนส่งผลต่อความเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ เช่น การเคลื่อนไหวของอัตราดอกเบี้ย
4.ทุกอย่างต้องมีความสอดคล้องกัน
ประสิทธิภาพรวมของนักลงทุนที่เข้าร่วมในตลาด หากผู้เข้าร่วมในตลาดส่วนหนึ่งสนใจลงทุน ส่วนที่เหลือก็ต้องสนใจด้วย เพื่อยืนยันแนวโน้มดังกล่าว เพราะมุมมองหรือประสิทธิภาพที่ต่างกันอาจนำไปสู่การพลิกกลับของแนวโน้มในตลาดได้
5.ปริมาณการเทรดต้องสัมพันธ์กับแนวโน้มในตลาด
แนวโน้มขาขึ้นควรมาพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของปริมาณและราคาของสินทรัพย์ และหากเป็นแนวโน้มขาลงก็ควรนำไปสู่ปริมาณและราคาที่ลดลงเช่นกัน
6.แนวโน้มจะดำเนินต่อไปจนกว่าจะมีการกลับตัวที่ชัดเจน
ทฤษฎีดาวชี้ว่าตลาดจะเกิดแนวโน้มอย่างใดอย่างหนึ่งต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะมีปัจจัยภายนอกเข้ามาส่งผลกระทบ เช่นเดียวกับกฎการเคลื่อนที่ข้อแรกของ Isaac Newton