น้ำมัน WTI ดีด 54 เซนต์ หลังโดรนโจมตีอิหร่านและแนวโน้มที่ดีขึ้นของจีน
น้ำมัน WTI ดีด 54 เซนต์ หลังโดรนโจมตีอิหร่านและแนวโน้มที่ดีขึ้นของจีน ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้นในการซื้อขายช่วงเช้าหลังเปิดตลาดเอเชีย หลังได้รับผลกระทบจากความตึงเครียดหลังเหตุการณ์การโจมตีด้วยโดรนในอิหร่าน บวกกับประเทศจีนจะส่งเสริมการฟื้นตัวภาคการบริโภคซึ่งจะสนับสนุนอุปสงค์เชื้อเพลิง
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) เพิ่มขึ้น 54 เซนต์หรือ 0.6% เป็น 87.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบ West Texas Intermediate (WTI) ของสหรัฐอยู่ที่ 80.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 54 เซนต์หรือ 0.7%
จากการเหตุการณ์การโจมตีด้วยโดรน ดูเหมือนว่าอิสราเอลจะอยู่เบื้องหลังการโจมตีโรงงานทหารของประเทศอิหร่าน เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ระบุเมื่อวันอาทิตย์
“ยังระบุเหตุการณ์ได้ไม่ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่เหตุการณ์การต่อไปมีแนวโน้มที่จะขัดขวางการไหลของน้ำมันดิบ”
Stefano Grasso ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโออาวุโสของ 8VantEdge ในสิงคโปร์กล่าว
รัฐมนตรีจากองค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และพันธมิตรที่นำโดยรัสเซียหรือที่เรียกรวมกันว่า OPEC+ จะไม่ปรับนโยบายการผลิตน้ำมันในปัจจุบันเมื่อมีกำหนดการนัดหมายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์
ถึงกระนั้น ข้อบ่งชี้ของการส่งออกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นจากท่าเรือบอลติกของรัสเซียในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ทำให้ Brent และ WTI ลดลงรายสัปดาห์เป็นครั้งแรกในรอบสามสัปดาห์ที่แล้ว ถึงแม้แนวโน้มในเดือนธันวาคมปี 2022 จะลดลงก็ตาม
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีของจีนกล่าวว่าจะส่งเสริมการฟื้นตัวในภาคการบริโภคในฐานะตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักของประเทศและส่งเสริมการนำเข้าให้มากขึ้น จากรายงานของสถานีโทรทัศน์ CCTV
เรามีซัพพลายเออร์จากประเทศรัสเซียและมีกำลังซื้อจากประเทศจีน โดยทั้งสองสามารถซื้อขายปริมาณน้ำมันที่แกว่งได้มากกว่าหรือต่ำกว่าที่คาดไว้ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน ข้อมูลจาก Grasso
จีนเริ่มกลับมาเปิดธุรกิจอีกครั้งหลังจากเทศกาลวันหยุดตรุษจีน จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางก่อนวันหยุด เพิ่มขึ้นเหนือระดับในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่ยังคงต่ำกว่าปี 2019 อ้างอิงจากนักวิเคราะห์ของ Citi
“การฟื้นตัวของภาคคมนาคมระหว่างประเทศโดยรวมแล้วยังมีแนวโน้มที่ดี โดยมีตัวเลข high-single จนถึง low-teens เกือบถึงระดับปี 2019 และเราคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวต่อไปเมื่อการเดินทางของนักท่องเที่ยวกลับมาท่องเที่ยวอีกครั้งในวันที่ 6 ก.พ.” บันทึกของ Citi ระบุ
(Source : investing.com)