ยุโรปเร่งซื้อน้ำมันดีเซลในประเทศอื่นมากขึ้น ก่อนมีกำหนดแบนดีเซลรัสเซีย
ยุโรปเร่งซื้อน้ำมันดีเซลในประเทศอื่นมากขึ้น ก่อนมีกำหนดแบนดีเซลรัสเซีย ยุโรปเร่งซื้อน้ำมันดีเซลเพิ่มเติมจากสหรัฐอเมริกาและซาอุดีอาระเบีย เพื่อเตรียมการสำหรับสหภาพยุโรปห้ามนำเข้าน้ำมันกลั่นจากรัสเซียทางทะเล แต่ในตอนนี้ ยุโรปยังคงเป็นผู้ซื้อน้ำมันดีเซลรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ข้อมูลที่รวบรวมโดยหน่วยงาน Anadolu เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดี
สหภาพยุโรป (EU) จะแบนการนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำมันดีเซลของรัสเซียทางทะเลประมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ รวมถึง naphtha และเชื้อเพลิงอื่นๆ ของรัสเซีย
การส่งออกน้ำมันมากกว่าครึ่งหนึ่งของรัสเซียไปยังสหภาพยุโรปคือดีเซล และตอนนี้ ยุโรปยังคงเป็นผู้ซื้อน้ำมันดีเซลรายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย และมีการกักตุนและเร่งนำเข้าเชื้อเพลิงของรัสเซียในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาก่อนการแบน
ในเดือนธันวาคม การส่งออกน้ำมันดีเซลของรัสเซียพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปีที่ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยมี 720,000 บาร์เรลต่อวันถูกส่งไปยังสหภาพยุโรป ตามการประมาณการในรายงานตลาดน้ำมันล่าสุดของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (International Energy Agency IEA)
คาดว่ายุโรปยังคงนำเข้าน้ำมันดีเซลในปริมาณ 600,000 บาร์เรลต่อวัน ก่อนมาตรการคว่ำบาตรจะมีผลบังคับใช้ และหลังจากวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ตลาดน้ำมันดีเซลและกระแสผลิตภัณฑ์ทั่วโลกมีแนวโน้มจะมีการเปลี่ยนแปลง โดยรัสเซียมองหาผู้ซื้อในประเทศอื่น ในขณะเดียวกันยุโรปก็หันไปหาเชื้อเพลิงจากสหรัฐ ตะวันออกกลาง และเอเชีย นักวิเคราะห์กล่าว
“ความเร่งรีบในการนำเข้าน้ำมันดีเซลของรัสเซียในไตรมาสที่ 3 ปี 2022 ประกอบกับสภาพอากาศที่อุ่นขึ้นของยุโรปและก๊าซธรรมชาติที่จัดหามาอย่างดีทำให้อุปทานน้ำมันดีเซลลดลงและการซื้อที่ตื่นตระหนกในเดือนตุลาคม 2022”
“โรงกลั่นในยุโรปหลายแห่งเริ่มทดสอบการใช้น้ำมันของรัสเซียแล้ว และการหยุดส่งออกน้ำมันดีเซลไปยังตลาดหลักอาจส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสภาพคล่องต่อภาคพลังงานของรัสเซีย”
Pamela Munger นักวิเคราะห์ตลาดของ Vortexa กล่าว
ก่อนหน้านี้สหภาพยุโรป (European Union) กลุ่มประเทศ G7 และออสเตรเลีย กำหนดเพดานราคาสูงสุดที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลสำหรับน้ำมันรัสเซียตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา เพิ่มเติมจากการห้ามนำเข้าน้ำมันดิบของรัสเซียทางทะเลของสหภาพยุโรป
(Source : oilprice.com)