คิมเกาหลีเหนือสั่งปฏิรูปการเกษตร หลังเกิดวิกฤตอาหาร

คิมเกาหลีเหนือสั่งปฏิรูปการเกษตร หลังเกิดวิกฤตอาหาร คิม จอง อึน เรียกร้องให้รัฐบาลเปลี่ยนแปลงด้านการผลิตทางการเกษตรขั้นพื้นฐาน เนื่องจากกำลังเกิดปัญหาขาดแคลนอาหาร สื่อของรัฐ KCNA (Korean Central News Agency) รายงานเมื่อวันอังคาร

คิมกล่าวว่า การบรรลุเป้าหมายการผลิตธัญพืชมีความสำคัญที่สุดในปีนี้ และเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการบรรลุเป้าหมายการผลิตธัญพืชและบรรลุผลการผลิตทางการเกษตรที่มีเสถียรภาพในระหว่างการประชุมใหญ่ครั้งที่ 7 ของประเทศของคณะกรรมการกลางพรรคแรงงานเกาหลี (Central Committee of the Workers’ Party of Korea) ชุดที่ 8

นอกจากนี้คิมยังกล่าวอีกว่า การปฏิรูปจะต้องเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าประเทศจะใช้มาตรการใด

คำพูดดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางรายงานการขาดแคลนอาหารที่เพิ่มขึ้นทั่วประเทศ แม้ว่าประเทศจะปฏิเสธว่าไม่สามารถจัดหาอาหารให้กับพลเมืองของตนได้

ประเทศถูกคว่ำบาตรจากทั่วโลก เนื่องจากโครงการอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธของตน และเศรษฐกิจของประเทศตึงเครียด เนื่องจากปิดประเทศเพื่อหยุดการระบาดของ COVID 19

ตอนนี้ยังไม่สามารถกำหนดความเสียหายของวิกฤตอาหารได้ แต่โครงการ 38 North ซึ่งมีฐานอยู่ในสหรัฐฯ รายงานว่า การขาดแคลนอาหารในประเทศอยู่ในจุดที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ทุพภิกขภัย (สภาวะของการขาดแคลนอาหาร) ในทศวรรษที่ 1990

และผลผลิตจากดินที่ใช้สอยได้น้อย ทำให้ต้องพึ่งพาสินค้านำเข้าอย่างหนัก และทำให้ประเทศเผชิญกับความตื่นตระหนกไปทั่วโลก ความขัดแย้งทางการทูต และสภาพอากาศเลวร้าย

เพื่อแก้ไขปัญหา 38 North เสนอแนะว่าการแก้ไขข้อขัดแย้งเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์และการคว่ำบาตร ตลอดจนการปฏิรูปเศรษฐกิจ

การแก้ปัญหาดังกล่าว ล้วนแล้วแต่มีความจำเป็นเพื่อแก้ปัญหาผลผลิตของประเทศ ทำให้สามารถส่งออกผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมและบริการที่ซื้อขายได้ รับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และนำเข้าจำนวนมาก ธัญพืชบนพื้นฐานความยั่งยืนในเชิงพาณิชย์

หากวิกฤตขาดแคลนอาหารเกิดขึ้น อาจส่งผลร้ายแรงต่อประชากรของประเทศ ในระยะสั้น ประชากรอาจไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอในแต่ละวัน และในระยะยาว หากประชากรไม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อวัน อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานเนื่องจากหิวโหย และอาจนำไปสู่ความไม่มั่นคงทางการเมือง ความไม่สงบในสังคม และแม้แต่ความขัดแย้ง เนื่องจากผู้คนต้องดิ้นรนเพื่อเข้าถึงอาหารและทรัพยากร

(Source : reuters.com)