รัฐมนตรีเยอรมนี Robert Habeck เร่งปฏิรูปตลาดไฟฟ้า
รัฐมนตรีเยอรมนี Robert Habeck เร่งปฏิรูปตลาดไฟฟ้า รัฐมนตรีเศรษฐกิจ (Economy Minister) ของเยอรมนีประกาศว่าประเทศของเขาจะมุ่งพัฒนาตลาดพลังงานเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการพึ่งพาแหล่งพลังงานหมุนเวียนในตลาดไฟฟ้าของตนมากขึ้นภายในสิ้นทศวรรษนี้
Habeck ตั้งเป้าหมายที่จะยกเครื่องตลาด 550 เทราวัตต์ชั่วโมงต่อปี (TWh) เนื่องจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นและการเปลี่ยนการผลิตไปยังแหล่งที่มาที่ไม่สม่ำเสมอมากขึ้น เนื่องจากประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของยุโรป เลิกใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลภายใต้ข้อผูกพันด้านสภาพอากาศ
นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าหมายในการผลิตไฟฟ้าให้ได้ 80% จากลมและแสงอาทิตย์ (wind and the sun) ภายในปี 2030 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่กดดันมากขึ้นนับตั้งแต่การส่งออกเชื้อเพลิงฟอสซิลของรัสเซียไปยังเยอรมนีลดลงเมื่อปีที่แล้ว
เพื่อรับมือกับความผันผวนของพลังงานสีเขียว (green power) เนื่องจากการผลิตนิวเคลียร์และถ่านหิน (nuclear and coal production) ที่น่าเชื่อถือมากขึ้นกำลังยุติลง รัฐบาลจะเตรียมการประมูลกำลังการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซ Habeck กล่าว
และเข้าเสริมว่าท้ายที่สุดแล้ว ก๊าซจะถูกแทนที่ด้วยทางเลือกที่มีคาร์บอนต่ำ (lower-carbon alternative) เช่น ไฮโดรเจน (hydrogen) ที่ผลิตจากพลังงานสะอาด (clean power) ผ่านการอิเล็กโทรลิซิส (electrolysis)
อย่างไรก็ตาม ความท้าทายต่อไปก็คือความต้องการพลังงานที่เพิ่มขึ้นพร้อมๆ กันในการขับเคลื่อนรถยนต์ไฟฟ้าและปั๊มความร้อน
แผนของเยอรมนีอาจทำให้เยอรมนีแตกต่างจากประเทศในสหภาพยุโรปอื่นๆ บางประเทศที่ถือครองแหล่งพลังงานที่มีเสถียรภาพมากกว่า ฮาเบคกล่าว
ตัวแทนอุตสาหกรรมแนะนำว่าเยอรมนีควรปฏิบัติจริงและเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ประสบความสำเร็จที่อื่น เช่น การเปิดตัวตลาดกำลังการผลิตของอังกฤษในปี 2014 เพื่อดึงดูดนักลงทุนให้หันมาสนใจพลังงานหมุนเวียนและลดความเข้มข้นของคาร์บอนลงอย่างมาก
นอกจากนี้ แรงจูงใจด้านเครดิตภาษีที่เสนอโดยรัฐบาลสหรัฐสำหรับทรัพยากรหมุนเวียนก็ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับบางคนเช่นกัน
นอกจากนั้นแล้ว อัตราเงินเฟ้อในเยอรมนีคาดว่าจะอยู่ที่ +8.7% ในเดือนมกราคม 2023 โดยวัดจากการเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อนส่วนนึงอาจเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายของครัวเรือนด้านไฟฟ้าที่สูง
(Source : investing.com)