ก.ล.ต. ลงดาบ ผู้บริหาร Bitkub ปรับ 8.5 ล้าน!!!!

นายสำเร็จ วจนะเสถียร 1 ใน CEO ของ บริษัท Bitkub Blockchain ได้ถูก ก.ล.ต. ดำเนินการลงโทษทางแพ่ง เนื่องจากก.ล.ต.เชื่อว่า นายสำเร็จมีการอาศัยข้อมูลภายใน ของการเจรจาซื้อขายหุ้นของ SCB เเละ Bitkub เพื่อทำกำไรอย่างมหาศาล

โดยก.ล.ต ได้มีการสั่งปรับนายสำเร็จเป็นจำนวนเงิน 8.5 ล้านบาทเเละได้มีการทำ Blacklist ห้ามไม่ให้นายสำเร็จดำรงตำแหน่ง บอร์ดหรือผู้บริหารเป็นเวลา 12 เดือน

เหตุเกิดจากที่ นายสำเร็จได้มีซื้อโทเคนดิจิทัล Bitkub Coin (เหรียญ KUB) ทั้งๆที่ถือครองข้อมูลสำคัญอย่างดีล SCB x Bitkub ที่มีผลอย่างมากต่อราคาของเหรียญ KUB ซึ่งนายสำเร็จนั้นได้มีการซื้อเหรียญ KUB จำนวนมากอย่างต่อเนื่อง เป็นจำนวน 61,107.66 เหรียญ มูลค่า 1,994,966.56 บาท ซึ่งต่างจากพฤติกรรมก่อนเกิดข้อมูลภายในดังกล่าว

จากการกระทำดังกล่าว ถือเป็นความผิดฐานซื้อเหรียญ KUB โดยเป็นบุคคลซึ่งรู้หรือครอบครองข้อมูลภายในตามมาตรา 42(1) ประกอบมาตรา 43(1) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 70 และมาตรา 72 แห่งพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ. 2561

ทางด้านนายสำเร็จ วจนะเสถียร ผู้บริหาร Bitkub ออกมาชี้แจงผ่าน Facebook ส่วนตัวดังนี้……

ตามที่ กลต. ได้กล่าวหาผมเรื่องการใช้ข้อมูลภายในสำหรับการซื้อเหรียญ KUB ของผม ระหว่างวันที่ 4 กันยายน 2564 จนถึงวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 นั้น ผมอยากจะใช้ช่องทางนี้เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นและความบริสุทธิ์ใจของผม ดังนี้

ผมรู้กฎหมายเรื่อง Insider trading เป็นอย่างดีว่า เวลาผมทำโปรเจค ผมก็จะซื้อ KUB ไม่ได้ ดังนั้น ผมจะมีช่วงเวลาสั้น ๆ หลังโปรเจคเปิดตัว และยังไม่ได้เริ่มโปรเจคใหม่ที่ผมจะลงทุนซื้อ KUB ได้ โดยก่อนหน้าช่วงเวลาดังกล่าว ผมอยากซื้อ KUB ในราคาที่ต่ำกว่า 30 บาท แต่ซื้อไม่ได้เนื่องด้วยผมทำโปรเจค Morning Moon ก่อนหน้านี้ สุดท้ายผมรอโปรเจค Morning Moon เปิดตัวเลยต้องซื้อ KUB ได้ที่ราคา 30 บาท – 32 บาท เพราะหากไม่ซื้อภายในช่วงเวลาดังกล่าว ผมก็จะต้องเริ่มโปรเจคใหม่ และจะทำให้ผมไม่สามารถซื้อ KUB ได้อีกนาน ส่วนเวลาก่อนหน้านี้ก็ซื้อเพื่อแลกเป็นค่าธรรมเนียมการเทรดใน Exchange ทันทีช่วงเวลาที่ กลต. กล่าวโทษ ผมเป็นผู้บริหาร BBT ซึ่งเป็นคนละบริษัทกับ Exchange ดังนั้นผมกล้าพูดได้ว่า ผมไม่รู้เรื่อง SCB Deal ใด ๆ ทั้งสิ้น ถ้าผมรู้ผมคงขาย WAN, SNT, BNB, Ethereum ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 4 ล้านบาทแล้ว และคงลงเงินกับ KUB ไปให้หมดไปแล้ว ซึ่งจำนวนเงินที่ผมลงทุนใน KUB ก็ใกล้เคียงกับเหรียญอื่น ๆ ที่ผมมีส่วนตัวแล้ว เป็นจำนวน 60,000 KUB ผมมองว่าจำนวนไม่ได้ผิดแปลกแต่เป็นความบังเอิญที่เป็นเวลาที่เค้าทำ Deal กันพอดี

การซื้อเหรียญ KUB ของผมมีวัตถุประสงค์เพื่อการลงทุนระยะยาว ดังจะเห็นได้ว่า หากผมซื้อเหรียญ KUB โดยมีเจตนาที่จะมุ่งหวังทำกำไรระยะสั้นแล้ว ผมคงเทขายเหรียญ KUB ทั้งหมดเพื่อทำกำไรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่จากข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ผมยังไม่ได้ขายเหรียญ KUB ดังกล่าวเพื่อทำกำไรแต่อย่างใดจนถึงวันนี้ที่ผมพิมพ์ มีส่วนหนึ่งที่เอาไปแลกค่าธรรมเนียมการเทรดใน Exchange เท่านั้น

เรื่องราวทั้งหมดผมได้บอก กลต. แล้วแต่ทาง กลต. ก็ยังตัดสินลงโทษอยู่ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีหลักฐานชัดเจนว่าผมกระทำผิด ผมจึงจะขอต่อสู้ในกระบวนการทางกฎหมายต่อไป ผมขอยืนยันว่า ผมบริสุทธิ์ใจและยืนหยัดที่จะพัฒนาเทคโนโลยีของ Bitkub Chain ต่อไป เพื่อให้ประเทศไทยมีเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ดีและได้มาตรฐานเพื่อให้คนไทยได้ใช้งานอย่างแพร่หลาย

ทางคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง ได้มีมติให้ลงโทษนายสำเร็จ โดยการชดใช้ค่าปรับในจำนวนเท่ากับผลประโยชน์ที่ได้รับหรือพึงได้รับ และชดใช้ค่าใช้จ่ายของ ก.ล.ต. เนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 8,530,383 บาท รวมทั้งห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของผู้เสนอขายโทเคนดิจิทัลหรือผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล เป็นเวลา 12 เดือน

เเละเป็นเพียงเวลาไม่นานหลังมีการประกาศ สั่งปรับ ทาง Bitkub Chain ก็ได้มีการประกาศในเวลาที่ไล่เลี่ยกันไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ว่า ทางนายสำเร็จ วจนะเสถียร CTO ยังปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้บริหาร Bitkub chainตามปกติ

นอกจากนั้นยังได้มีการประกาศว่าทางบริษัทไม่ได้รู้เห็นเกี่ยวกับการกระทำดังกล่าวของนายสำเร็จ

ซึ่งถือเป็นเรื่องที่มีความน่าสงสัยเป็นอย่างยิ่งว่า ทางบิทคับ ไม่ได้มีการตรวจสอบ CTO ของตนเอง ตลอดไปจนถึงการ ตรวจสอบการซื้อขายของบุคคลต่างๆที่เข้ามาซื้อเลยหรือว่า มีการทำผิดกฏหมายในการลงทุนในรูปแบบใดบ้าง

นอกจากนั้นก่อนหน้านี้ในช่วงมิถุนายน ทางก.ล.ต ได้มีการลงโทษBitkub กรณีสร้างปริมาณเทียมสินทรัพย์ดิจิทัล

เป็นเหตุให้ทางบริษัทเเละ อีกหนึ่งผู้บริหารของบิทคับถูกปรับเป็นเงินกว่า 24.16 ล้านบาท

ทำให้ความน่าเชื่อถือของบริษัทบิทคับเป็นที่น่าสงสัยเป็นอย่างมากหลังจากเกิดเหตุการณ์ต่างๆขึ้นภายในช่วงปีนี้