ไบเดนโดนเมิน! กลุ่มโอเปกพลัสผลิตน้ำมันเพิ่มนิดเดียวน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของกลุ่ม
ไบเดนโดนเมิน! โอเปกพลัสเตรียมปรับเป้าหมายการผลิตน้ำมันอีก 100,000 บาร์เรล น้อยที่สุดหนหนึ่งในประวัติศาสตร์ของทางกลุ่ม จำนวนที่พวกนักวิเคราะห์มองว่าคงก่อความผิดหวังและเหมือนเป็นการดูหมิ่น ประธานาธิบดีโจ (Joe Biden) แห่งสหรัฐฯ หลังจากเขาลงทุนบินไปซาอุดีอาระเบีย เพื่อขอให้ผู้นำกลุ่มผู้ผลิตแห่งนี้ ผลิตน้ำมันเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือเศรษฐกิจอมเริกาและเศรษฐกิจโลก
การปรับเพิ่มครั้งนี้ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนแค่ 0.1% ของอุปสงค์โลก มีขึ้นตามหลังความคาดหวังว่า การเดินทางเยือนตะวันออกกลางของ (Joe Biden) และวอชิงตันอนุมัติขายระบบป้องกันขีปนาวุธแก่ริยาดและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จะช่วยนำพาน้ำมันไหลสู่ตลาดโลกเพิ่มเติม
“มันน้อยนิดจนแทบไร้ความหมาย จากมุมมองทางรูปธรรม มันเล็กน้อยมากจนไม่มีความสำคัญ และในฐานะสัญลักษณะทางการเมือง มันแทบจะเป็นการดูถูกเลยด้วยซ้ำ” ราด อัลคาดิริ กรรมการผู้จัดการด้านพลังงาน โลกร้อนและความยั่งยิน ของยูเรเซีย กรุ๊ป ระบุ
การปรับเพิ่ม 100,000 บาร์เรลต่อวัน ถือเป็นการปรับขึ้นการผลิตน้อยที่สุดหนหนึ่งในประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่โอเปก เริ่มนำระบบโควตามาใช้ในปี 1982
โอเปกและพันธมิตรที่นำโดยรัสเซีย หรือที่เรียกว่าOPEC+ ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2017 กำลังปรับเพิ่มกำลังผลิตราว 430,000 -650,000 บาร์เรลต่อเดือน ในขณะที่พวกเขาค่อยๆผ่อนปรนจากมาตรการปรับลดอุปทานครั้งประวัติศาสตร์ ที่นำมาใช้ครั้งมาตรการล็อกดาวน์สกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ทางพลังงาน
อย่างไรก็ตามพวกเขาประสบปัญหาในการทำตามเป้าหมาย เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่สูญเสียศักยภาพด้านการผลิต เหตุเพราะขาดการลงทุนในศักยภาพใหม่ๆมานานหลายปี
เมื่อประกอบกับความวุ่นวายอันสืบเนื่องจากปฏิบัติการรุกรานยูเครนของรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ ภาวะขาดแคลนอุปทานจึงผลักราคาพลังงานในตลาดโลกพุ่งทะยาน และโหมกระพือเงินเฟ้อ
ด้วยเงินเฟ้อสหรัฐฯแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี และคะแนนนิยมของ (Joe Biden) กำลังถูกคุกคามจนกว่าราคาเบนซินจะลดต่ำลง ประธานาธิบดีรายนี้จึงเดินทางไปยังริยาดเมื่อเดือนที่แล้ว เพื่อหล่อหลอมความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบีย ซึ่งพังทลายลง ตามหลังเหตุฆาตกรรม จามาล คาช็อกกี นักข่าวคนดังชาวซาอุดีอาระเบีย เมื่อ 4 ปีก่อน
ในวันอังคาร(2ส.ค.) วอชิงตันอนุมัติขายระบบขีปนาวุธป้องกันตนเองมูลค่า 5,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แก่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดีอาะเบีย แม้ว่าพวกเขายังไม่ปลดคำสั่งแบนขายอาวุธร้ายแรงแก่ริยาดก็ตาม
Opec+ซึ่งมีกำหนดประชุมครั้งถัดไปในวันที่ 5 กันยายน ระบุในถ้อยแถลงว่าศักยภาพส่วนเกินที่มีอย่างจำกัดของพวกเขาจำเป็นต้องใช้ด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง ในการตอบสนองต่อความปั่นป่วนทางอุปทานอย่างรุนแรง
นอกจากนี้แล้วพวกเขาเตือนด้วยว่าภาวะขาดการลงทุนที่เกิดขึ้นมาช้านานในภาคอุตสาหกรรรมน้ำมัน จะส่งผลกระทบต่อการยกระดับทางอุปทานให้เพียงพอรองรับอุปสงค์ที่เพิ่มสูงขึ้นหลังปี 2023 เป็นต้นไป
ขณะเดียวกันแหล่งข่าวภายในOPEC+ อ้างถึงความจำเป็นที่ต้องร่วมมือกับรัสเซีย ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของOPEC+ “การตัดสินใจนี้เพื่อทำให้สหรัฐฯสงบลง แต่ก็ไม่มากจนเกินไปที่จะก่อความผิดหวังแก่รัสเซีย”
เชื่อว่าเวลานี้มีเพียงแค่ซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่ยังคงพอมีกำลังการผลิตส่วนเกิน(spare capacity) อยู่บ้าง อย่างไรก็ตามประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส เคยบอกว่าซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มีศักยภาพจำกัดมากในการยกระดับการผลิต
(ที่มา:รอยเตอร์/อัลจาซีราห์)