FED ปรับขึ้นดอกเบี้ย +0.75% เดินหน้าสกัดเงินเฟ้อ พร้อมแย้มว่าการขึ้นดอกเบี้ยอาจใกล้ถึงจุดสูงสุดแล้ว
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย +0.75% ในเมื่อคืนนี้ ดันให้ดอกเบี้ยกลับมาที่ระดับ 3.75-4.00% แล้ว หรือเป็นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐที่อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี สูงที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจในปี 2008
- โดยทาง FED มีเหตุผลในการขึ้นดอกเบี้ย (ตามที่ตลาดคาดไว้) ในครั้งนี้ แบบไม่มีเซอร์ไพรส์ เพราะตอนนี้ภาวะเงินเฟ้อสหรัฐยังคงอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 40 ปีอยู่ด้วย CPI เดือนล่าสุดที่ออกมาเกือบ +8.2% (จับตาการประกาศตัวเลข CPI ในอีก 10 วัน ในวันพฤหัสฯที่ 10 พ.ย.65)
- นอกจากนี้ เฟดยังระบุว่า มีความจำเป็นที่เฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แต่เฟดจะพิจารณาถึงผลกระทบต่อเศรษฐกิจขณะที่ทำการตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำลงในการประชุมครั้งหน้าเดือน ธ.ค.
- ทั้งนี้ แถลงการณ์ของเฟดระบุว่า คณะกรรมการ FOMC คาดการณ์ว่า การปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยที่กำลังดำเนินอยู่จะมีความเหมาะสมเพื่อให้บรรลุจุดยืนนโยบายการเงินที่มีความเข้มงวดเพียงพอที่จะทำให้เงินเฟ้อกลับสู่ระดับ 2% ซึ่งในการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ยในอนาคตนั้น เฟดจะพิจารณารวมถึงการคุมเข้มของนโยบายการเงิน, ความล่าช้าที่นโยบายการเงินส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ รวมทั้งพัฒนาการด้านเศรษฐกิจและการเงิน
⭐️ ตามแถลงการณ์ของเฟดบ่งชี้ว่า “มีความชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับการปรับลดที่เป็นไปได้มากกว่าที่คิด” นี่อาจจะเป็นการขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เป็นครั้งสุดท้ายของเฟด และการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไปในเดือนธ.ค.จะอยู่ที่ 0.50% ขึ้นอยู่ว่าในเดือนธันวาคมข้อมูลเป็นอย่างไร
(ที่มา : สำนักข่าวรอยเตอร์)
อ่านข่าวเพิ่มเติม คลิกที่นี่!!
สมัครเปิดบัญชีเทรดกับเรารับ ฟรี SERVER ฟรี VPS และ ระบบเทรดอัตโนมัติ หรือ Expert Advisor (EA)
