ภัยคุกคามต่อสันติภาพครอบงำวาระการประชุมสุดยอดผู้นำเอเชียแปซิฟิก (APEC)

ภัยคุกคามต่อสันติภาพและเสถียรภาพกำลังครอบงำวาระประชุมสุดยอดเศรษฐกิจฝั่งเอเชียแปซิฟิกในวันศุกร์ที่กรุงเทพฯ ขณะที่บรรดาผู้นำเตือนว่าสงครามและความตึงเครียดระหว่างชาติมหาอำนาจกำลังถูกคุกคามเพื่อเป็นการเน้นย้ำถึงความเสี่ยงเกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธข้ามทวีปซึ่งลงจอดใกล้กับน่านน้ำของญี่ปุ่น และญี่ปุ่นกล่าวว่าอาวุธดังกล่าวอาจมีพิสัยโจมตีได้ทุกที่ในสหรัฐฯ

“ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์กำลังบั่นทอนสันติภาพและเสถียรภาพ และบ่อนทำลายกฎระเบียบระหว่างประเทศ ซึ่งเราทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่ามีความจำเป็นต้องร่วมมือกัน” นายกรัฐมนตรีแอนโธนี อัลบานีส ของออสเตรเลีย กล่าวกับผู้นำกลุ่มสมาชิก 21 ประเทศในความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก ซึ่งเริ่มขึ้นมาเป็นเวลา 2 วัน และเนื้อหาการประชุมดังกล่าวมีขึ้นในวันศุกร์

ภารกิจระยะยาวของเอเปกคือการส่งเสริมการรวมกลุ่มทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค แต่ความเร่งด่วนที่เร่งด่วนกว่าคือ เมื่อบรรดาผู้นำเรียกร้องให้ยุติสงครามของรัสเซียกับยูเครนและพิจารณากลยุทธ์ในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจจากการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนาในขณะที่ต้องต่อสู้กับวิกฤตอาหารและพลังงาน ความจำเป็นในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเรื่องเร่งด่วนอื่นๆ

การผงาดขึ้นของเอเชียเป็นเครื่องมือสำหรับการเติบโตทั่วโลกนั้นเป็นผลมาจากความสำเร็จในการค้าที่ “ควบคุมโดยกฎทั่วไป กฎสากล” โดยกล่าวว่าวิกฤตการณ์หลายครั้งอาจนำพาโลกไปสู่ ​​“จุดเปลี่ยน”

การประชุมเอเปกเป็นการประชุมผู้นำระดับโลกครั้งที่ 3 ในสัปดาห์นี้ หลังจากการประชุมสุดยอดของสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ประเทศกัมพูชาและกลุ่มประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ 20 ประเทศ ซึ่งปิดฉากลงเมื่อวันพุธที่ประเทศอินโดนีเซีย

และการประชุมเอเปกในกรุงเทพฯ โดยมีเจ้าภาพเป็นประเทศไทยมีความท้าทายในการพยายามเชื่อมโยงความแตกแยกและสร้างฉันทามติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้พยายามที่จะบรรจุแนวคิดเรื่องการเติบโตความยั่งยืนไว้ในวาระประชุมของเอเปค

“เราจำเป็นต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตและวิถีการทำธุรกิจ” ประยุทธ์กล่าวเปิดการประชุมผู้นำในวันศุกร์ โดยเน้นไปที่การเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน

(ที่มา : สำนักข่าวAPNEW)