EU เตรียมรับมือวิกฤตน้ำมันดีเซล
สต็อกน้ำมันดีเซลในยุโรปจะลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 12 ปีในช่วงต้นเดือนมีนาคม Bloomberg รายงานโดยอ้างถึงแนวโน้มล่าสุดจาก Wood Mackenzie ตามรายงานจากนักวิเคราะห์จากบริษัทที่ปรึกษาในสหราชอาณาจักรคาดว่า สต็อกจะเต็มในเดือนธันวาคมและมกราคม ก่อนร่วงลงอย่างรวดเร็ว และแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
- ราคาน้ำมันดีเซลที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นก่อนฤดูหนาว และทำให้อุปทานหยุดชะงัก โดยเฉพาะในสหภาพยุโรป ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้การห้ามขนส่งน้ำมันและปิโตรเคมีของรัสเซียในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566
และตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ในปีหน้าเป็นต้นไป มาตรการคว่ำบาตรล่าสุดของสหภาพยุโรปต่อรัสเซียจะห้ามการนำเข้าผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ผ่านการกลั่นจากทะเลเกือบทั้งหมด รวมทั้งเชื้อเพลิงประเภทดีเซลจากซัพพลายเออร์ด้วยเช่นกัน และเมื่อน้ำมันเหลือน้อยลง จะทำให้ตลาดเชื้อเพลิงเกิดความผันผวนที่เพิ่มขึ้น
เมื่อต้นสัปดาห์นี้ ราคาน้ำมันดีเซลมาตรฐานของยุโรปแตะระดับ 180 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในสหรัฐอเมริกา ราคาในแคลิฟอร์เนียสูงกว่า 190 ดอลลาร์ ขณะที่ในท่าเรือนิวยอร์ก ราคาใกล้เคียงกับ 170 ดอลลาร์
และการหยุดงานประท้วงที่โรงกลั่นน้ำมันในฝรั่งเศส ซึ่งระงับการจ่ายเชื้อเพลิงและทำให้ดีเซลขาดแคลน เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันราคาให้สูงขึ้น
ในเดือนกันยายน นักวิเคราะห์เตือนว่าการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปเกี่ยวกับน้ำมันรัสเซีย จะทำให้ราคาน้ำมันดีเซลพุ่งสูงขึ้น และในขณะที่เชื้อเพลิงที่นำเข้ามากกว่าหนึ่งในสามยังคงมาจากรัสเซียเมื่อการห้ามมีผลบังคับใช้ ยุโรปจะต้องเปลี่ยนการใช้น้ำมันดีเซลของรัสเซีย และไปเพิ่มการผลิตของตนเองหรือการนำเข้าจากประเทศต่างๆ เช่น ซาอุดีอาระเบีย อินเดีย หรือสหรัฐอเมริกาที่ ราคาที่สูงกว่ารัสเซียมาก
(ที่มา : สำนักข่าวRT/Bloomberg)