ตลาดหุ้นเอเชีย เผชิญหน้าความเสี่ยง หลัง Covid-19 กลับมาระบาดอีกครั้ง
หุ้นเอเชียส่วนใหญ่ร่วงลงในวันจันทร์ โดยตลาดจีนมีการปรับตัวลงมากที่สุดเนื่องจากการเเพร่ระบาดของ Covid 19 ในรอบใหม่ แม้ดัชนีหลักของญี่ปุ่นซื้อขายทรงตัวเนื่องจากกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Berkshire Hathaway เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทซื้อขายชั้นนำของประเทศ
โดยดัชนี Shanghai Shenzhen CSI 300 ของจีน ร่วงลง 1.3% ในขณะที่ ดัชนี Shanghai Composite ร่วง 0.8% เนื่องจากหลายเมืองในประเทศมีสถิติผู้ป่วยโควิด-19 รายวันพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
นอกจากนี้จีนยังเปิดตัวมาตรการล็อกดาวน์ใหม่ในศูนย์กลางเศรษฐกิจหลายแห่ง รวมทั้งปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้ ซึ่งทำให้เศรษฐกิจจีนเกิดความน่าเป็นห่วงขึ้นอีกครั้ง
ทำให้ดัชนี Hang Sengของฮ่องกงดิ่งลง 2% ขยายการขาดทุนเป็นเซสชันที่สี่ติดต่อกัน
ทางฝั่งดัชนี KOSPI ของเกาหลีใต้ร่วงลง 1.2% ในขณะที่ดัชนี S&P/ASX 200 ของออสเตรเลีย ร่วงลง 0.1% ผู้ป่วยโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในจีนตัดทอนการมองโลกในแง่ดีเมื่อเร็ว ๆ นี้เกี่ยวกับศักยภาพในการลดนโยบายปลอดโควิดที่เข้มงวดของประเทศ แม้ว่าประชาชนจำนวนมากจะไม่พอใจต่อนโยบายดังกล่าวก็ตาม
ดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่น ปรับตัวลงน้อยที่สุดในบรรดาบริษัทอื่นๆ ในวันจันทร์ หลังจาก Berkshire Hathaway ของมหาเศรษฐี Warren Buffet (NYSE: BRKa ) เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทการค้าที่ใหญ่ที่สุด 5 แห่งของ ประเทศ
หุ้นของ Mitsubishi Corp. (TYO: 8058 ), Mitsui & Co., Ltd. (TYO: 8031 ), Itochu Corp. (TYO: 8001 ), Marubeni Corp. (TYO: 8002 ) และSumitomo Corp. (TYO: 8053 ) พุ่งขึ้นระหว่าง 0.3% ถึง 2.4% หลังจากกองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกเพิ่มการถือครองในแต่ละบริษัทอย่างน้อย 1%
ซึ่งหุ้นทั้ง 5 มีประสิทธิภาพดีกว่าเกณฑ์มาตรฐานของญี่ปุ่นอย่างมากในปีนี้ โดยได้กำไรเป็นตัวเลขสองหลักในขณะที่ Nikkei ร่วงลง 3%
โดยนักลงทุนในตลาดเอเชียยังคงมีความกังวลใจเกี่ยวกับการเเเพร่ระบาดในจีน เเละ การขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED ที่จะส่งผลอย่างรุนเเรงกับตลาดหุ้นเเละตลาด Forex ทำให้นักลงทุนมีการชะลอตัวลงเพื่อรอสัญญาณเพิ่มเติมจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงในสัปดาห์นี้
ในขณะที่ธนาคารกลางคาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระดับที่ค่อนข้างเล็กกว่า 50 จุดในเดือนธันวาคม เจ้าหน้าที่เฟดบางคนเตือนว่าอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยนานกว่าที่คาดไว้ สถานการณ์ดังกล่าวคาดว่าจะเป็นลบต่อหุ้นเอเชีย ซึ่งมีผลขาดทุนอย่างหนักในปีนี้ เนื่องจากธนาคารกลางเริ่มขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็ว