วิธีการใช้เส้น Moving Average เป็นแนวรับและแนวต้านแบบ Dynamic

เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เราชอบเรียกมันว่าไดนามิกเพราะมันไม่เหมือนกับแนวรับและแนวต้านแบบเก่า เพราะเส้นเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของราคาล่าสุด

มีเทรดเดอร์ forex ค่อนข้างมากที่มองว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เหล่านี้เป็นแนวรับหรือแนวต้านหลัก โดยจะซื้อเมื่อราคาลดลงและทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่หรือขายหากราคาเพิ่มขึ้นและแตะเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่

ตัวอย่างกราฟ 15 นาทีของ GBP/USD และปรากฏบน 50 EMA ลองดูว่ามันทำหน้าที่เป็นแนวรับหรือแนวต้านแบบไดนามิกหรือไม่

ทุกครั้งเมื่อราคาเข้าใกล้เส้น 50 EMA และทดสอบ มันจะทำหน้าที่เป็นแนวต้านและราคาเด้งกลับลงมา โดยมันดูเหมือนเส้นแนวต้านที่เราตีแบบปกติ ซึ่งหมายความว่าราคาจะไม่เด้งกลับอย่างสมบูรณ์จากเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทุกครั้ง

หรือมีบางครั้งที่ราคาจะทะลุผ่านไปด้วย สิ่งที่นักเทรดบางรายทำคือพวกเขาจะสร้างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 2 เส้น และซื้อหรือขายเมื่อราคาอยู่ตรงกลางช่องว่างระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ทั้งสองเท่านั้น โดยเรียกพื้นที่นี้ว่า “โซน“

มาดูแผนภูมิ 15 นาทีของ GBP/USD กันอีกครั้ง แต่คราวนี้ลองใช้ EMA 10 และ 20 กัน

จากกราฟด้านบน จะเห็นได้ว่าราคาผ่าน 10 EMA เล็กน้อยสองสาม pip และลดลงหลังจากนั้น ส่วนใหญ่จะเป็น day trade ที่ใช้กลยุทธ์แบบนี้ โดยกลยุทธ์คือ ใช้พื้นที่ระหว่างเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เป็นโซนแนวรับหรือแนวต้าน

การเบรกแนวรับและแนวต้านแบบไดนามิก

ตอนนี้เรารู้แล้วว่า Moving Average สามารถทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้านได้ เมื่อรวม 2 เส้นนี้เข้าด้วยกัน คุณจะมีโซนเล็กๆ ที่สวยงามสำหรับการเทรดของตัวเองได้ แต่เราต้องคำนึงด้วยว่ามันสามารถทะลุได้ เช่นเดียวกับทุกๆเส้นแนวรับและแนวต้านที่เราวาด

มาดูอีกครั้งที่ 50 EMA บนกราฟ 15 นาทีของ GBP/USD

ในแผนภูมิด้านบน เราเห็นว่า 50 EMA ถือเป็นระดับแนวต้านที่แข็งแกร่งอยู่ครู่หนึ่ง เนื่องจาก GBP/USD เด้งกลับมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างไรก็ตาม ที่กล่องสีแดง ราคาได้ทะลุทะลุและพุ่งสูงขึ้นหลังจากนั้น และทดสอบ 50 EMA อีกครั้ง จากรูปด้านบนสามารถมองได้ว่าเป็นแนวรับที่แข็งแกร่ง

สรุปคือ : เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สามารถทำหน้าที่เป็นแนวรับและแนวต้านแบบไดนามิก (แนวรับแนวต้านที่เคลื่อนที่ตลอดเวลา) สิ่งหนึ่งที่ดีเกี่ยวกับการใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่คือมันมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถปล่อยให้มันอยู่บนกราฟโดยต้องย้อนเวลากลับไปเพื่อดูแนวรับและแนวต้านที่อาจเกิดขึ้นตลอดเวลา