The Merge คืออะไร

The Merge คือ การรวมเลเยอร์ 2 บล็อกเชนของ Ethereum เข้าด้วยกัน ซึ่งประกอบไปด้วย Ethereum Mainnet ซึ่งเป็นบล็อกเชนหลักที่ใช้ระบบ Proof of Work ที่นักขุดกำลังใช้งานกันอยู่ทุกวันนี้ นำมารวมเข้ากับ Beacon Chain ซึ่งเป็นบล็อกเชนที่ถูกสร้างขึ้นสำหรับการ Staking โดยได้มีการเปิดตัวเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2022 ที่ผ่านมา

ทำไมต้องเปลี่ยนเป็น Proof-of-Stake

โดยเหตุผลที่ต้องเปลี่ยนก็เพราะระบบเดิมที่เป็น Proof of Work ใช้พลังงานในการขุดอย่างมหาศาล โดยอ้างอิงข้อมูลจากปี 2015 นั้น การจะสร้าง Bitcoin ขึ้นมา 1 BTC จะต้องใช้พลังไฟฟ้าที่มากถึงบ้านของประชากรอเมริกัน 1.57 ครัวเรือนต่อวัน เมื่อมองในภาพรวมก็ถือว่าเป็นการสร้างมลภาวะและสิ้นเปลืองพลังงานโลกอย่างมาก

ดังนั้น Ethereum จึงเปลี่ยนระบบเป็น Proof-of-Stake เพราะสามารถลดพลังงานไปได้มากถึง 90% เลย เมื่อเทียบกับระบบเดิม โดยที่ผ่านมา ETH ได้ทดสอบ (testnet) ระบบ Proof-of-Stake โดยสร้าง Beacon Chain มาเป็นเชนคู่ขนานกับ Ethereum Blockchain ที่ยังเป็นระบบ Proof-of-Work อยู่ ในปัจจุบันมี Validator ที่ Stake เหรียญ ETH บนเครือข่ายกว่า 40,000 คน โดยหลังจากการอัพเกรด Miner จะไม่ใช่ผู้ตรวจสอบธุรกรรมอีกต่อไป เนื่องจาก Validator (Validator คือคนที่ Stake เหรียญ ETH บนเครือข่าย) จะเป็นผู้ที่ตรวจสอบธุรกรรมแทน

จะเป็นยังไงหลังอัพเกรด Merge 

หนึ่งในสัญญาของ Ethereum 2.0 คือการปรับขนาดและ Vitalik Buterin อ้างว่าเครือข่ายจะสามารถประมวลผลธุรกรรมได้ 100,000 รายการต่อวินาที อย่างไรก็ตาม The Merge เป็นเพียงขั้นตอนแรกของห้าจากการพัฒนาที่เข้ามาของโปรโตคอล ได้แก่

• The Merge คือการควบรวมระหว่างระบบเดิมกับระบบ Beacon Chain หรือเปลี่ยนจากกลไกฉันทามติ Proof of Work ไปเป็นกลไกฉันทามติ Proof of Stake 
• The Surge คือการแบ่งข้อมูลไปยังโปรโตคอลเป็นโซลูชันการปรับขนาดที่จะแบ่งเครือข่ายออกต่างหากที่เรียกว่า “shards” ซึ่งออกแบบมาเพื่อกระจายโหลดการคำนวณบน mainnet
• The Verge เป็นการแนะนำ “verkle trees” ซึ่งเกี่ยวข้องกับการอัพเกรดเป็น Merkle proofs และมีวัตถุประสงค์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูลสำหรับโหนด Ethereum
• The Purge เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บข้อมูลสำหรับ validators และจะลดพื้นที่ฮาร์ดไดร์ฟซึ่งจำเป็นสำหรับผู้ตรวจสอบ รวมทั้งลดความแออัดของเครือข่าย
• The Splurge เป็นการอัปเกรดครั้งสุดท้ายใน pipeline และมีวัตถุประสงค์เพื่อให้มั่นใจว่าวิธีการทำงานของเครือข่ายโดยรวมจะราบรื่น

ความเข้าใจผิด 5 อันดับแรกเกี่ยวกับการอัพดกรด Merge

– ต้องใช้การ staking 32 ETH เพื่อ run Node
มี Node สองประเภทในเครือข่าย Ethereum – มีประเภทอันนึงสามารถเสนอ blocks และอีกประเภทที่ไม่สามารถทำได้ ผู้ที่ไม่จำเป็นต้องกระทำ ETH จะไม่เสนอการบล็อก แต่เป็นส่วนสำคัญของความปลอดภัยของเครือข่ายเนื่องจากถือว่าผู้เสนอบล็อกทั้งหมดต้องรับผิดชอบ

– ค่า Gas จะลดลงหลังจากการควบรวมกิจการ
การอัปเกรด Merge จะเปลี่ยนอัลกอริธึมฉันทามติโดยรวม นี่คือสาเหตุที่ไม่ส่งผลให้ค่าธรรมเนียมก๊าซลดลง อย่างไรก็ตาม มีโซลูชันการปรับขนาดในการพัฒนาที่ออกแบบมาเพื่อทำอย่างนั้น ซึ่งส่วนใหญ่กำหนดเป้าหมายที่เลเยอร์ 2

– การทำธุรกรรมจะเร็วขึ้นหลังจากการ Merge
ความเร็วของการทำธุรกรรมบน mainnet จะยังคงเท่าเดิมแม้หลังจากการผสาน แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

– การอัปเกรด Merge จะส่งผลให้เกิดการหยุดทำงานของเครือข่าย
การอัพเกรด Merge ได้รับการออกแบบในลักษณะที่จะไม่มีการหยุดทำงานเป็นศูนย์ เครือข่ายสามารถทำงานได้ตลอดเวลา

– ETH ที่ Stake ไว้ทั้งหมดจะถูกถอนออกหลังจากการอัพเกรด Merge
Validators ที่สามารถถอนได้มีอัตราจำกัด เนื่องด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย มีข้อจำกัดที่ตั้งไว้ซึ่งอนุญาตให้ถอนได้ประมาณ 43,200 ETH ต่อวัน และมี ETH ที่ stake ไว้มากกว่า 13 ล้านเหรียญ