Trading Divergences คืออะไร
จะเกิดอะไรขึ้นหากเราสามารถซื้อได้ที่จุดต่ำสุดและขายได้ที่จุดสูงสุด จะเป็นอย่างไรถ้าเราเชื่อว่าคู่สกุลเงินจะยังคงอ่อนค่าลงต่อไป แต่ต้องการชอร์ตในราคาที่ดีกว่าหรือมีความเสี่ยงน้อยกว่า
โดยเราเรียกว่าการเทรดแบบ Divergences
divergence มีทั้งหมดสองประเภทด้วยกัน ได้แก่
- Regular
- Hidden
โดยในการเทรดรูปแบบนี้อินดิเคเตอร์ไหนก็ไม่สำคัญ เราสามารถใช้ RSI, MACD, Stochastic, CCI ในการเทรดได้ โดยการหา divergence ที่จะเกิดในอินดิเคเตอร์พวกนี้
ข้อดีของมันคือ
เรามักจะได้ ณ ราคาต่ำสุดหรือขายได้ที่จุดสูงสุด และมีความเสี่ยงในการซื้อขายของเราน้อยมากเมื่อเทียบกับกำไรที่อาจได้มา แต่ก็ขึ้นอยู่กับระยะเวลาการฝึกฝนของเราเช่นกัน
Trading Divergences
จำแค่ว่า “higher highs” และ “lower lows“
ราคาและโมเมนตัมมักจะจับมือกันเหมือนอะโวคาโดและขนมปังปิ้ง, Hansel และ Gretel, Ryu และ Ken, Batman และ Robin, Jay Z และ Beyonce, Kobe และ Shaq ประเด็นคือ มันมักจะมาคู่กันเสมอ
ถ้าราคาทำ higher highs หรือจุดสูงสุดที่สูงขึ้น oscillator ก็ควรทำจุดสูงสุดที่สูงขึ้นเช่นกัน
หากราคาทำ lower lows จุดต่ำสุดที่ต่ำลง oscillator ก็จะทำจุดต่ำสุดที่ต่ำลงด้วย
และหากไม่เป็นเช่นนั้น แสดงว่าราคาและ oscillator นั้นเกิดการ ขัดแย้งกัน และนั่นเป็นสาเหตุที่เรียกว่า “divergence”
ส่วนใหญ่ในการเทรดรูปแบบ Divergence มักจะเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่เราควรรู้ไว้ เนื่องจาก Divergence ส่งสัญญาณให้เราทราบว่ามีบางสิ่งที่แปลกๆเกิดขึ้น และเป็นเวลาที่เราควรให้ความสนใจ การใช้การซื้อขายแบบ Divergence จะเป็นประโยชน์ในตอนที่แนวโน้มเริ่มอ่อนตัวลงหรือเป็นการกลับตัวของโมเมนตัม หรือว่าเป็นการเคลื่อนที่ต่อเนื่องของเทรน
(ที่มา : babypips.com)