น้ำมัน WTI ร่วงกว่า 4% เนื่องจากตลาดจับตาการรายงานการประชุมของเฟด
น้ำมัน WTI ร่วงกว่า 4% เนื่องจากตลาดจับตาการรายงานการประชุมของเฟด ราคาน้ำมันทรงตัวหลังเปิดตลาดในเช้าวันพุธ หลังร่วงลงก่อนหน้าเนื่องจากตลาดได้ข่าวจากการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐในเดือนธันวาคม
เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 50 จุดในเดือนธันวาคม หลังจากเพิ่มขึ้น 4 ครั้งติดต่อกันครั้งละ 75 จุด และหาก Fed เพิ่มความเข้มงวดในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นั่นอาจทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวและขัดขวางการใช้เชื้อเพลิง
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าเบรนท์ (Brent) เพิ่มขึ้น 6 เซนต์เป็น 82.16 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.1%
ราคาน้ำมันดิบสหรัฐ (WTI) ลดลง 2 เซนต์ หรือ 0.03% สู่ระดับ 76.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ภายในเวลา 08:23 น.
การฟื้นตัวอย่างรวดเร็วของค่าเงินดอลลาร์ก็ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันดิบเช่นดัน โดยดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นมากกว่า 1% ในวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนต่างจับตามองรายงานการประชุมเดือนธันวาคมของเฟด ซึ่งจะเผยแพร่ในวันพุธนี้
ราคาน้ำมันทั้ง 2 ร่วงหนักลงกว่า 4.1% ในวันอังคาร ซึ่งเป็นการลดลงรายวันที่เยอะที่สุดในรอบกว่า 3 เดือน หลังจากรัฐบาลจีนเพิ่มโควตาการส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันในปี 2023 ส่งสัญญาณถึงความคาดหวังของอุปสงค์ในประเทศที่ย่ำแย่ และหัวหน้าการเงินระหว่างประเทศกองทุน (International Monetary Fund IMF) เตือนว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะอ่อนแอลงในสหรัฐอเมริกา ยุโรป และจีน
สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 2.2 ล้านบาร์เรล โดยสต็อกน้ำมันกลั่นลดลงเช่นกัน ผลสำรวจความคิดเห็นเบื้องต้นของรอยเตอร์เปิดเผยเมื่อวันจันทร์
กลุ่มอุตสาหกรรม American Petroleum Institute มีกำหนดจะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าคงคลังน้ำมันดิบของสหรัฐในเวลา 16.30 น. ตามเวลา EDT (20.30 GMT) ในวันพุธ และสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานด้านสถิติของกระทรวงพลังงานสหรัฐ จะเปิดเผยตัวเลขของตนเองในเวลา 10.30 น. (14.30 น. GMT) ในวันพฤหัสบดี
(Source : investing.com)