ตลาดหุ้นวันนี้ได้ Nvidia ช่วยชีวิตไว้อีกครั้ง
ตลาดหุ้นวันนี้มีการปิดสูงขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ เเต่ความกังวลของการผันผวนมีอยู่อย่างต่อเนื่องก็ยังคงส้รางความวิตกให้กับนักลงทุนเป็นอย่างมาก ความกังวลอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ และการก้าวกระโดดของเทคโนโลยีที่นำโดย Nvidia
S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.53% ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 0.33% หรือ 108 จุด และ Nasdaq Composite เพิ่มขึ้น 0.72%
บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Nvidia Corporation (NASDAQ: NVDA ) ได้มีการรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ทำสถิติสูงสุดและต่ำสุด ส่งผลให้หุ้นของบริษัทสูงขึ้นกว่า 14%
ซึ่งเเนวโน้มที่ดีนี้ ได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังว่า AI หรือ Artificial Intelligence จะถูกพัฒนาเเละนำมาใช้มากขึ้น ทำให้เกิดการกระตุ้นความต้องการชิปของ Nvidia บังคับให้บางคนใน Wall Street หันเหความสนใจไปที่ผู้ผลิตชิปและยกเลิกการตัดสินใจของพวกเขาที่จะอยู่ข้างสนาม
“เมื่อมองย้อนกลับไป เรารับทราบว่าการตัดสินใจของเราที่จะอยู่เฉยๆ โดยคาดการณ์ว่าปัจจัยพื้นฐานของบริษัทจะถอยกลับนั้นเป็นสิ่งที่ผิด”
โกลด์แมน แซคส์กล่าว
หุ้นของ Alibaba (NYSE: BABA ) รายงานผลประกอบการและรายรับในไตรมาสที่สามของปีงบประมาณที่สูงกว่าที่คาดไว้ แม้ว่าปริมาณสินค้ารวมซึ่งเป็นมาตรวัดประสิทธิภาพหลักที่ใช้วัดปริมาณการขาย จะลดลงเป็นตัวเลขกลางหลักเดียวเมื่อเทียบเป็นรายปี
Moderna (NASDAQ: MRNA ) รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ที่พลาดเป้าเนื่องจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและความต้องการวัคซีน COVID-19 ที่ลดลงส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน
eBay (NASDAQ: EBAY ) ก็อยู่ภายใต้แรงกดดันเช่นกัน โดยปิดต่ำกว่า 5% หลังจากผลประกอบ การไตรมาสที่สี่ และคำแนะนำประจำปีต่ำกว่าประมาณการของ Wall Street
ทางด้าน Alphabet (NASDAQ: GOOGL ) และ Netflix (NASDAQ: NFLX )ต่างพากันปรับตัวลง ซึ่ง Netflix ตกลงมากกว่า 3% หลังจากสตรีมมิ่งยักษ์ลดราคาการสมัครสมาชิกในกว่า 30 ประเทศทำให้ผู้ใช้ต่างคาดว่า Netflix กำลังจะปรับให้ Account ไม่สามารถเเชร์ได้ในเร็วๆ นี้
ฝั่งหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นจากการเทขายเมื่อเร็วๆ นี้ เนื่องจาก ราคา น้ำมันไม่เป็นไปตามข้อมูลที่แสดงให้เห็นปริมาณน้ำมันดิบคงคลังรายสัปดาห์ของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเกินคาด
APA Corporation (NASDAQ: APA ), Devon Energy (NYSE: DVN ) และ Coterra Energy (NYSE: CTRA ) เป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด โดยกลุ่มหลังเพิ่มขึ้น 6%