หุ้นหลัก S&P 500 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์

หุ้นหลัก S&P 500 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์

S&P 500 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์

ในวันพุธที่ผ่านมา S&P 500 ได้ปิดตลาดในโซนต่ำเป็นครั้งเเรกในรอบ 3 วัน เนื่องจากความกังวลที่เศรษฐกิจจะชะลอตัว

แต่ความกลัวเหล่านั้น ประกอบกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่น้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้ความหวังว่าเฟดอาจพิจารณาลดขนาดการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังจากการประชุมนโยบายวันที่ 1-2 พ.ย.

S&P 500 และ Nasdaq สิ้นสุดในแดนลบ โดยถูกลากลงมาโดยบริษัทชั้นนำด้านเทคโนโลยีและเทคโนโลยีที่อยู่ติดกันตามผลลัพธ์จาก Microsoft (NASDAQ: MSFT ) และ Alphabet (NASDAQ: GOOGL ) ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นเล็กน้อย

โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอย่าง Microsoft และ Alphabet ตกลงไปถึง 7.7% และ 9.1% ตามลำดับ

เเละยอดขายบ้านที่สร้างใหม่ในสหรัฐอเมริกาลดลงในเดือนกันยายน ขณะที่อัตราการจำนองแตะระดับสูงสุดในรอบกว่าสองทศวรรษ ส่งผลให้กองข้อมูลเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง

ทางด้าน DJIA หรือ ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 2.37 จุดหรือ 0.01% สู่ 31,839.11 ดัชนี S&P 500 ลดลง 28.51 จุดหรือ 0.74% สู่ 3,830.6 และแนสแด็กคอมโพสิตลดลง 228.12 จุดหรือ 2.04% สู่ 10,970.99

5 ใน 11 หุ้นของของ S&P 500 ปิดตลาดในโซนสีเเดง โดยหุ้นด้านการสื่อสารและเทคโนโลยีที่น่าเป็นห่วงมากที่สุด

Boeing (NYSE: BA ) รายงานการขาดทุนในไตรมาสที่ 3 มากกว่าที่คาดไว้ ทำให้หุ้นของบริษัทร่วงลง 8.8%

ทางด้าน Visa Inc (NYSE: V ) พุ่งขึ้น 4.6% จากการที่บริษัทสินเชื่อผู้บริโภคมีกำไรพุ่งสูงขึ้น

หุ้น Meta Inc ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Facebook (NASDAQ: META ) ร่วงลงมากกว่า 12% ในการซื้อขายนอกเวลาทำการ

เเละหุ้นหลัก S&P 500 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ใหม่ 25 รายการและระดับต่ำสุดใหม่ 3 รายการ Nasdaq Composite ทำสถิติสูงสุดใหม่ 113 ครั้ง และระดับต่ำสุดใหม่ 77 ครั้ง

โดยที่ปริมาณการแลกเปลี่ยนในสหรัฐอยู่ที่ 12.26 พันล้านหุ้น เทียบกับค่าเฉลี่ย 11.60 พันล้านสำหรับเซสชั่นเต็มในช่วง 20 วันทำการล่าสุด

อ่านข่าวเพิ่มเติม คลิกที่นี่!!

สมัครเปิดบัญชีเทรดกับเรารับ ฟรี SERVER ฟรี VPS และ ระบบเทรดอัตโนมัติ หรือ Expert Advisor (EA)