Wallstreet ร่วง 4 วันติดต่อกันเนื่องจากภาวะถดถอยทำให้เกิดความกังวล
Wallstreet ร่วง 4 วันติดต่อกันในวันจันทร์ที่ผ่านมา ถือเป็นเป็นเซสชั่นที่สี่ที่ดัชนี Nasdaq ลดลงเนื่องจากนักลงทุนหลีกเลี่ยงการเดิมพันที่มีความเสี่ยงมากขึ้น กังวลว่าการรณรงค์ที่รัดกุมของธนาคารกลางสหรัฐอาจผลักดันเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
โดยดัชนีหุ้นหลักทั้งสามของสหรัฐได้รับแรงกดดันตั้งแต่วันพุธ เมื่อประธานเฟด เจอโรม เพาเวลล์ แสดงท่าทีที่น่ากังวล ในขณะที่ธนาคารกลางขึ้นอัตราดอกเบี้ย Powell สัญญาว่าจะขึ้นอัตราต่อไปแม้ว่าข้อมูลจะแสดงสัญญาณของเศรษฐกิจที่อ่อนแอก็ตาม
หุ้นต่างๆ ใน S&P 500, Dow Jones เเละ Nasdaq ถูกเทขายออกอย่างรวดเร็วในเดือนธันวาคม ซึ่งใกล้เคียงกับการลดลงประจำปีครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2551
ในขณะที่อัตราผลตอบแทนของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น จากการนักลงทุนต่างวิ่งหนีจากหุ้น โดยมองหาโอกาสในการวางเดิมพันที่ปลอดภัยกว่า เนื่องจากพวกเขากังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2566
โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ลดลง 162.92 จุด หรือ 0.49% ปิดที่ 32,757.54 จุด S&P 500 ลดลง 34.7 จุด หรือ 0.90% ปิดที่ 3,817.66 และNasdaq Compositeลดลง 159.38 จุด หรือ 1.49% ปิดที่ 10,546.03 จุด
กลุ่มอุตสาหกรรม S&P ที่ลดลงมากที่สุด ได้แก่ บริการด้านการสื่อสาร ซึ่งลดลง 2.2% การตัดสินใจของผู้บริโภค ลดลง 1.7% และเทคโนโลยี ซึ่งลดลง 1.4% พลังงานมีผลประกอบการดีกว่า ปิดเพิ่มขึ้น 0.13% เป็นอุตสาหกรรมเดียวจากทั้งหมด 11 อุตสาหกรรมที่สามารถทำกำไรได้
ซึ่งรายใหญ่อย่าง Apple Inc (NASDAQ: AAPL ), Microsoft Corp (NASDAQ: MSFT ) และ Amazon.com Inc (NASDAQ: AMZN ) มีการปรับตัวลงมากที่สุดในตลาด
เเละทาง Tesla (NASDAQ: TSLA ) เองก็เกิดความผันผวน จากการสำรวจความคิดเห็นของ Twitter ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ต้องการให้ Elon Musk ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Tesla ก้าวลงจากตำแหน่ง CEO ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ซึ่งปิดตัวลง 0.24% หลังจากร่วงลงมากถึง 2.8%
โดย S&P 500 ทำจุดสูงสุดใหม่ 5 จุดในรอบ 52 สัปดาห์ และจุดต่ำสุดใหม่ 20 จุด; Nasdaq Composite ทำสถิติสูงสุดใหม่ 66 ครั้งและต่ำสุดใหม่ 456 ครั้ง
ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีการเปลี่ยนมือ 11.07 พันล้านหุ้น เทียบกับค่าเฉลี่ย 11.59 พันล้านในช่วง 20 วันทำการล่าสุด