การเผาเหรียญ คืออะไร

การเผาหรือเผาเหรียญหรือโทเค็นหมายถึงการนำสินทรัพย์ดิจิทัลนั้นออกจาก Circulating Supply อย่างถาวร ซึ่งช่วยลดอุปทานทั้งหมดของสินทรัพย์ หรือพูดง่ายๆว่าเป็นการทำลายสินทรัพย์โดยไม่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้

วิธีการเผาเหรียญ

การเผาเหรียญทำได้โดยส่งเหรียญหรือโทเค็นไปยัง Wallet หรือ Adress ที่ไม่มีใครเข้าถึงได้แม้กระทั่งทีมพัฒนาเองก็ตาม

แรงจูงใจของการเผาเหรียญคือคาดคาดว่ามูลค่าของอุปทานที่เหลือจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากอุปทานทั้งหมดของเหรียญลดลงและเกิดความขาดแคลน

โดยมีโครงการสร้างตารางเวลาในการเผาอัตโนมัติลงในโค้ด หรือแต่ละเหรียญจะมีกำหนดระยะเวลาในการเผาเหรียญที่แตกต่างกัน และด้วยอีกเหตุผลหนึ่งคือ เพื่อให้อุปทานของสกุลเงินในอนาคตลดลง ช่วยลดความกลัวต่อการเฟ้อต่อราคาของสินทรัพย์

ยกตัวอย่างเช่น เหรียญ KUB มีกำหนดการเผาเหรียญในวันที่ 9 สิงหาคม 2564 โดยหลังการเผาเหรียญจะมีเหรียญ KUB อยู่ที่ 110,000,000 KUB จากเดิมที่มีอยู่ 1,000,000,000 KUB หรือเผา 89% ของเหรียญที่มีอยู่เดิม

ทำให้ราคาดีดตัวสูงขึ้นอย่างมาก (อาจด้วยมีปัจจัยอื่นมาเสริมด้วย) ตั้งแต่ 9 ส.ค. – 28 ธ.ค.

ความเป็นมาของการเผาเหรียญ

การนำสินทรัพย์ออกจาก Circulating Supply เพื่อปรับมูลค่าไม่ใช่แนวคิดใหม่ ตัวอย่างเช่น ธนาคารกลางปรับปริมาณสกุลเงินหมุนเวียนเพื่อปรับกำลังซื้อของสกุลเงินนั้น
มีเหตุผลอีกในการเผาเหรียญคริปโต เช่น

ตั้งใจเผาเพื่อเพิ่มมูลค่า โดยคิดว่าการลดเหรียญใน circulating supply ลงจะช่วยเพิ่มมูลค่าของเหรียญได้
Proof-of-Burn มักจะถูกเรียกว่า เป็น Proof of work ที่ไม่ใช้พลังงาน เป็นการทำงานบนหลักการโดยอนุญาตให้ผู้ขุดสามารถเผาโทเค็นสกุลเงินได้
เผาเพื่อส่งเสริมสมดุลการขุด เพื่อป้องกันความไม่เป็นธรรมสำหรับผู้เริ่มใช้งานในช่วงแรก ระบบ PoB ได้ใช้กลไกที่ส่งเสริมการเผาไหม้เหรียญคริปโตเคอเรนซี่เป็นระยะๆ เพื่อรักษาสมดุลระหว่างผู้ที่เริ่มทำเหมืองก่อนและผู้ใช้ใหม่

เผาเหรียญแล้วดีไหม

การเผา Cryptocurrency จะทำให้โทเค็นออกจาก circulating supply เช่นเดียวกับการที่บริษัทซื้อหุ้นคืน เป็นประโยชน์สำหรับเงินดิจิตอล ขึ้นอยู่กับความรู้สึกของนักลงทุนและผู้ใช้ และการเปลี่ยนแปลงของอุปสงค์และอุปทานใหม่ส่งผลต่อราคาอย่างไร