เว็บบอร์ด

18 มีนาคม 2020

เว็บบอร์ด

เว็บบอร์ด แห่งนี้เป็นเพียงสื่อกลางเพื่อการศึกษาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเท่านั้นทาง เราไม่สามารถรับผิดชอบต่อผลกำไรขาดทุนของท่านได้

การแจ้งเตือน
ลบทั้งหมด

ธนาคารแห่งประเทศไทยแถลงข่าวตลาดค้าเงิน Forex เริ่มเปิด เมษายน หรือ พฤษภาคมนี้

(@admin)
Noble Member

ธปท.ปลื้มปี 54 นักลงทุนไทยไปลงทุน ตปท. 4.5 แสนล้านบาท เตรียมดันธุรกิจไทยลุยตลาดนอกเพิ่มขึ้น พร้อมเปิดเสรีเงินทุนไหลออก ระยะที่ 1 ปีนี้ เชื่อปีนี้เงินไทยไปนอกต่อเนื่อง เตือนธุรกิจไทยป้องกันความเส่ียง จากความผันผวนที่สูงขึ้นด้วย เมื่อวันที่ 9 มี.ค. นางผ่องเพ็ญ เรืองวีรยุทธ ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวบรรยายเรื่อง “ยุทธศาสตร์ด้านอัตราแลกเปลี่ยนและเงินทุนเคลื่อนย้าย:เพื่อความเข้มแข็งที่ ยั่งยืน ในงานสัมมนาซึ่งจัดโดยธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ในเรื่อง “การเชื่อมโยงเศรษฐกิจไทย-อาเซียน” ว่า ในปี 2554 ที่ผ่านมา เป็นปีแรกที่นักลงทุนไทยได้ไปลงทุนในต่างประเทศมากถึง 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 450,000 ล้านบาท (30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ) และทำให้ธปท.สามารถลดบทบาทการเข้าไปแทรกแซงเพื่อลดการแข็งค่าของเงินบาทด้วย การเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐฯลงได้ และทำให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวได้ 2 ทิศทาง ซึ่งแนวทางนี้เป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ทั้งผู้นำเข้า ผู้ส่งออกที่จะไม่เสียโอกาสในช่วงที่เงินบาทแข็งหรืออ่อนค่าทิศทางเดียว รวมถึง การบริหารจัดการทุนสำรองของ ธปท.ด้วย “ในปีนี้ ธปท.คาดว่า ทิศทางการออกไปลงทุนในต่างประเทศของบริษัทไทยยังจะเกิดขึ้นได้ต่อเนื่อง เพื่อขยายฐานการลงทุน และการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และในส่วนของ ธปท.ได้มีความพยายามที่จะประสานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนเพื่อให้ความรู้ และวางมาตรการร่วมกันในการสนับสนุนให้เกิดการไหลออกของเงินทุน สวนทางกับเงินทุนจากต่างประเทศที่จะไหลเข้ามาลงทุนในประเทศ เพื่อเงินไหลเข้าและออกของไทยมีความสมดุลในอนาคต” นางผ่องเพ็ญ กล่าวต่อว่า ในปี 2555 นี้ ธปท.จะเริ่มเปิดเสรีเงินทุนเคลื่อนย้ายให้ไหลออกไปเสรีมากขึ้น ตามแผนยุทธศาสตร์อัตราแลกเปลี่ยนและเงินทุนเคลื่อนย้ายของ ธปท. โดยจะทยอยเห็นผลสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ ใน 3-5 ปีข้างหน้า โดยเรื่องแรกที่จะเห็นการผ่อนคลายมาตรการในการเปิดเสรีเงินทุนไหลออกเพิ่ม ขึ้นคือ การเปิดให้มีการซื้อขายเงินตราต่างประเทศในตลาดซื้อขายล่วงหน้า สำหรับรายเล็กๆ หรือ Currency Future เพื่อเป็นอีกช่องทางที่จะทำภาคธุรกิจรายเล็กๆ สามารถที่จะมีทางเลือกในการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนฯมากขึ้น โดยคาดว่าจะเริ่มซื้อขายได้ในเดือน เม.ย.หรือ พ.ค.นี้ นอกจากนั้น การป้องกันความเสี่ยงในระยะต่อไป ธปท.อาจจะเปิดโอกาสให้จ่ายเงิน หรือยกเงินการจ่ายเงินตามสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อป้องกันความเสี่ยงได้โดยเสรี ซึ่งจะทำให้ภาคธุรกิจ ไม่ต้องหาเงินมาปิดสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าได้ หากขาดทุนสำหรับมาตรการอื่นๆ ที่จะทำในปีนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นการผ่อนคลายวงเงินเพิ่มเติมในการถือเงินตราต่างประเทศของภาคธุรกิจ และประชาชน ในส่วนของการถือครองเงินตราต่างประเทศในบัญชีเงินตราต่างประเทศของคนไทย หรือ FCD ที่ซื้อในประเทศโดยไม่มีภาระผูกพัน หรือเป็นการซื้อเพื่อเตรียมการล่วงหน้า โดยในส่วนของนิติบุคคลนั้น ในขณะนี้กำหนดวงเงินฝากไว้ไม่เกิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 3,000 ล้านบาท ต่อปี อาจจะมีการเปิดให้ถือครองได้ไม่จำกัดจำนวน เพราะในขณะนี้มีบางธุรกิจที่ต้องเตรียมเงินตราต่างประเทศมากกว่านั้น ขณะที่ในส่วนของบุคคลธรรมดา จะมีการขยายวงเงินให้สามารถซื้อเงินตราต่างประเทศโดยไม่มีภาระผูกพัน ฝากในบัญชีเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากในขณะนี้ที่กำหนดไว้ไม่เกิน 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่การไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศนั้น ในระยะแรกนี้ จะเป็นการเพิ่มวงเงินให้นักลงทุนซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา สามารถไปลงทุนในหลักทรัพย์ หรือหุ้นในต่างประเทศ ผ่านคนกลางได้เพิ่มขึ้นแบบไม่จำกัดจำนวน จากเดิมที่เรามีวงเงินให้กับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อนุมัติให้บริษัทหลักทรัพย์ ไปลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศได้เป็นรายปี เช่นปีที่ผ่านมา ให้วงเงินไว้ที่ 50,000 ล้านเหรียญฯ ซึ่งใช้ไปแล้วประมาณ 30,000 ล้านเหรียญฯ ถ้าในอนาคตความต้องการมากขึ้น ธปท.ก็จะเปิดให้ไปลงทุนได้โดยไม่จำกัดจำนวน “อย่างไรก็ตาม การไปลงทุนในต่างประเทศของนักลงทุนไทย ยังมีหลายเรื่องที่ต้องช่วยกันดูแล ซึ่งจากการหารือกับภาคธุรกิจขนาดใหญ่ และกระทรวงการคลัง พบว่า อุปสรรคใหญ่ยังเป็นเรื่องภาษี ที่เอกชนต้องการให้แก้ไข ขณะที่การรวมศูนย์ หรือมีศูนย์กลางที่ภาคเอกชนสามารถรับทราบกฎ กติกาของแต่ละประเทศที่แตกต่างกันได้ เป็นอีกเรื่องที่เอกชนต้องการ ซึ่งในส่วนนี้ ธปท.และหน่วยงานรัฐอื่นๆ จะเร่งดำเนินการเรื่องนี้” ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. กล่าวอีกว่า การซื้อขายสินค้าด้วยเงินตราสกุลท้องถิ่น โดยเฉพาะสกุลเงินหยวน ของจีน หรือเงินตราในสกุลอาเซียน โดยไม่ต้องผ่านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นอีกทางหนึ่งที่จะลดความเสี่ยงจากความผันผวนของตลาดเงินโลกต่อธุรกิจ เพราะค่าเงินสกุลเอเชียจะเคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกัน นอกจากนั้น ยังช่วยลดความผันผวนที่จะเกิดขึ้นกับค่าเงินบาท แต่ธนาคารพาณิชย์จะต้องช่วยด้วยการโค้ดราคาเงินบาทกับเงินสกุลท้องถิ่น โดยเผื่อกำไรที่ลดลง “มาตรการที่เล่ามานี้ จะเป็นการเปิดเสรีเงินทุนไหลออกในระยะแรก และจะมีระยะต่อไป เช่น การเปิดให้บุคคลธรรมดาสามารถไปลงทุนหลักทรัพย์ หรือหุ้นต่างประเทศได้เองโดยไม่ผ่านคนกลาง และไม่จำกัดจำนวน อย่างไรก็ตาม มาตรการเหล่านี้จะต้องทยอยทำในจังหวะที่เหมาะสม และจะต้องเสริมความรู้ให้ประชาชน เพราะการเปิดเสรีเงินทุน จะทำให้ความผันผวนในตลาดเงินของไทยมีมากขึ้นในระยะต่อไป และเปิดโอกาสให้เกิดการเก็งกำไร ซึ่งทุกคนที่เกี่ยวข้องจะต้องหาความรู้ และป้องกันตัวเองมากขึ้นด้วย”

ที่มาหนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ http://m.thairath.co.th/content/eco/244264 และ นสพ.คอม http://www.norsorpor.com/tags/%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4 [box]Modifly by admin , on Sat March 10,2012[/box]

อ้างอิง
หัวข้อเริ่มต้น โพสต์ : 10/03/2012 8:26 am