เว็บบอร์ด แห่งนี้เป็นเพียงสื่อกลางเพื่อการศึกษาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเท่านั้นทาง เราไม่สามารถรับผิดชอบต่อผลกำไรขาดทุนของท่านได้
ฟอเร็กซ์ (Forex) คืออะไร
Forex ย่อมาจากคำว่า “Foreign Exchange Market” เรียกย่อ ๆ ว่า FX เป็นตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ถือเป็นตลาดการเงินที่มีขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องมากที่สุดในโลก ตลาดจะเปิดให้ทำการซื้อขาย วันจันทร์ – วันศุกร์ ตลอด 24 ชั่วโมง (ในไทยกราฟจะสวิงมากราวๆ 17.00 – 22.00 น. ซึ่งมักเป็นเวลาที่เทรดกัน) และตลาดจะปิด วันเสาร์ – วันอาทิตย์ (ทำให้เทรดเดอร์ได้มีเวลาพัก เพื่อ reset สมอง ใช้ชีวิต และวางแผนการเทรดในสัปดาห์ต่อไป)
จึงเห็นได้ว่า การเทรด Forex สามารถทำเป็นแหล่งรายได้เสริมได้โดยไม่ต้องออกจากงานประจำก็ได้ เพราะช่วงเวลาที่เทรดได้ดีเป็นช่วงนอกเวลางานปกติ และนอกเวลาพักผ่อนตามปกติ
ทำไมถึงควรลงทุนในตลาด Forex
- เป็นตลาด 24 ชั่วโมง สามารถเข้าเทรดได้ ตามเวลาที่เราสะดวก
- เริ่มต้นจากน้อยๆไปก่อนได้/ มี Demo ให้ฝึกฝนจนชำนาญก่อนเทรดได้
- ไม่กำหนดขนาดของ Lot size จึงทำ MM (บริหารจัดการทางการเงิน) ได้
- มีสภาพคล่องสูง ด้วยการซื้อขายประมาณ 3 เท่าของตลาดหุ้นทุกชนิดในโลกรวมกัน
- ทำกำไรจากตลาดกระทิง/ตลาดหมี คือเทรดได้ทั้งลักษณะกราฟขึ้นและลง
- ไม่มีการปั่นราคา เนื่องจากตลาดมีขนาดใหญ่มาก
- ความสะดวกสบาย เพราะเป็นการเทรด online เราไม่ต้องเข้า Office
- สามารถเล่นได้แม้ในช่วงเศรษฐกิจซบเซา เพราะเทรดได้ทั้ง Buy และ sell
ค่าเงินสกุลหลัก
สกุลเงิน 8 สกุลที่นิยมซื้อขายกันมากที่สุดคือ
- USD (ยูเอสดอลลาร์)
- EUR (ยูโร)
- GBP (ปอนด์อังกฤษ)
- AUD (ออสเตรเลียดอลลาร์)
- JPY (เยนญี่ปุ่น)
- CHF (สวิสฟรังค์)
- CAD (แคนาดาดอลลาร์
- NZD (นิวซีแลนด์ดอลลาร์)
ตัวอย่างการจับคู่สกุลเงิน
- GBP/NZD = ปอนด์อังกฤษ VS. นิวซีแลนด์ดอลลาร์
- GBP/AUD = ปอนด์อังกฤษ VS. ออสเตรเลียดอลลาร์
- GBP/JPY = ปอนด์อังกฤษ VS. เยนญี่ปุ่น
- GBP/CAD = ปอนด์อังกฤษ VS. แคนาดาดอลลาร์
- GBP/CHF = ปอนด์อังกฤษ VS. สวิสฟรังค์
- GBP/USD = ปอนด์อังกฤษ VS. ยูเอสดอลลาร์
- EUR/GBP = ยูโร VS. ปอนด์อังกฤษ
การซื้อและการขาย
ข้อดีของการซื้อ – การขายในตลาดฟอเร็กซ์คือเราสามารถทำกำไรได้ทั้งสองทางไม่ว่าสภาพตลาดจะเป็นอย่างไรขาขึ้นหรือขาลง โดยถ้าตลาดเป็นขาขึ้นเราสามารถซื้อ (Long) เพื่อทำกำไรในตลาดขาขึ้นและถ้าเป็นตลาดขาลงเราก็สามารถขาย (Sell) เพื่อทำกำไรในตลาดขาลง จะเห็นได้ว่าไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร ดีหรือเลวร้ายขนาดไหน เราก็อยู่รอดได้เพราะทำกำไรได้ทั้งสองทาง
Pip และระยะห่างของ Pip
Pip ย่อมาจาก “price interest point” เป็นหน่วยของการวัดที่แสดงการเปลี่ยนแปลงในมูลค่าของสกุลเงินทั้งสอง อย่างเช่นว่าสกุลเงิน GBP/USD มีราคาอยู่ที่ 1.6565 ถ้าราคาเพิ่มขึ้นเป็น 1.6566 หรือลดลงเป็น 1.6564 นี่คือการเคลื่อนไหวของ 0.0001 หรือ 1 Pip
ตัวอย่าง
เมื่อราคาของ GBP/USD เพิ่มขึ้นจาก 1.6550 เป็น 1.6570
นี่คือการเคลื่อนไหวของราคา 20 Pip
Lot Size
Lot size คือการกำหนดขนาด pip กับ usd
สูตร: จำนวนเงิน = lotsize x pip *โดย 1 pip = 10 point
ตัวอย่างเช่น
กำหนด Lot size 0.01 GBP/AUD ราคาวิ่ง 20 pip = 2 usd
กำหนด Lot size 0.10 GBP/AUD ราคาวิ่ง 20 pip = 20 usd
กำหนด Lot size 1.00 GBP/AUD ราคาวิ่ง 20 pip = 200 usd
กำหนด Lot size 10.00 GBP/AUD ราคาวิ่ง 20 pip = 2000 usd
ปัจจัยที่ขับเคลื่อนตลาด Forex
มี 5 ปัจจัยสำคัญที่เป็นสาเหตุให้ตลาด Forex มีการเคลื่อนไหว
แปลว่าถ้ามี “ข่าว” ปัจจัยเหล่านี้ จะเกิดการเคลื่อนไหวของค่าเงิน มากน้อย ตามความสำคัญและขนาดของปัจจัยนั้นๆ
1.ข้อมูลทางเศรษฐกิจ
- อัตราดอกเบี้ย
- รายงานการประชุมของธนาคารกลาง
- การจ้างงาน (Employment)
- ยอดค้าปลีก
- รายงาน ISM/PMI
- ธุรกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
- ข้อมูลที่พักอาศัย
- เงินเฟ้อ
- ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ
- ดุลการค้า
2.การแทรกแซงของธนาคารกลาง
การแทรกแซงของธนาคารกลางมักเกิดขึ้นเมื่อค่าเงินของประเทศได้รับแรงกดดันที่ทำให้มูลค่าต้องต่ำลง หรือสูงขึ้นมากจากผู้เล่นในตลาด ปกติแล้วก็จะเป็นพวกนักเก็งกำไร (ธนาคารกลางเลยต้องเข้ามาแทรกแทรงเพื่อรักษาสมุดุลของค่าเงิน ในบางโอกาส)
3.ภัยธรรมชาตและโรคระบาด
ภัยทางธรรมชาติ และโรคระบาดร้ายแรง มีผลกระทบต่อตลาดค่าเงินอย่างมีนัยสำคัญ ยกตัวอย่างกรณี โควิด-19 เป็นต้น
4.การเก็งกำไร
ในตลาด forex มีการเก็งกำไรที่เกี่ยวข้องกับการซื้อและการขายสกุลเงินโดยคาดหวังกำไรจากการแกว่งตัวของตลาด
5.ปัจัยทางการเมือง
ในช่วงเวลาที่การเมืองเกิดความสับสนวุ่นวายเงินก็จะวิ่งไปหาแหล่งพักพิงที่ปลอดภัย เช่น ทองคำ ทำให้ทองคำมีราคาถีบตัวสูงขึ้น เป็นต้น